บล็อกพาเที่ยว
แผนเที่ยวนากาโนะ 5 วัน: รวมครบทุกไฮไลต์ มัตสึโมโตะ คามิโคจิ ฮาคุบะ โทะกากุชิ และนากะเซ็นโด
หากคุณอยากสัมผัสญี่ปุ่นให้ครบทุกบรรยากาศ จังหวัดนากาโนะคือคำตอบ ที่นี่ผสมผสานทั้งธรรมชาติและวัฒนธรรม ได้อย่างลงตัว ทริป 5 วันนี้จะพาคุณไปชมทั้งเทือกเขาแอลป์ เมืองเก่า ศาลเจ้าที่เงียบสงบ แช่ออนเซ็น และยังรวมถึงหนึ่งในปราสาทที่เป็นสัญลักษณ์ของญี่ปุ่น—โดยไม่จำเป็นต้องเช่ารถหรือเปลี่ยนที่พักทุกคืน
จุดเด่นของทริป
- ไม่ต้องเปลี่ยนที่พักทุกวัน: พักเรียวกังออนเซ็นในมัตสึโมโตะ 2 คืน และโรงแรมในเมืองนากาโนะอีก 2 คืน
- เดินทางสะดวก: รถบัส Alpico ครอบคลุมเส้นทางหลักเกือบทั้งหมด และใช้รถไฟ JR บ้างบางช่วง
- ที่ท่องเที่ยวหลากหลาย: เที่ยวครบทั้งปราสาท เดินชมหุบเขาธรรมชาติ เดินขึ้นเขา หมู่บ้านยุคซามูไร และไหว้พระเข้าวัดและศาลเจ้า
- สัมผัสประสบการณ์แบบญี่ปุ่นแท้ๆ: นอนเรียวกังแช่ออนเซ็น พร้อมมื้อค่ำไคเซกิแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม 2 คืน
แผนเที่ยวคร่าวๆ 5 วันในนากาโนะ
วันที่ | ที่เที่ยว/เดินทาง | ไฮไลต์ | ที่พัก |
1 | โตเกียว → มัตสึโมโต้ | เที่ยวปราสาทมัตสึโมโต้ ชมพิพิธภัณฑ์ นั่งคาเฟ่ แช่ออนเซ็น | เรียวกัง Utsukushigahara Onsen Shoho (มัตสึโมโตะ) |
2 | เที่ยวหมู่บ้านโบราณนาราอิ (เช้า-เย็นกลับ) | เที่ยวหมู่บ้านโบราณนาราอิ (Narai-juku) บนเส้นทางนากาเซ็นโดในหุบเขา Kiso | เรียวกัง Utsukushigahara Onsen Shoho (มัตสึโมโตะ) |
3 | มัตสึโมโตะ → คามิโคจิ → นากาโนะ | เดินเล่นเที่ยวชมธรรมชาติที่คามิโจิ วิวภูเขา | โรงแรม Metropolitan Nagano |
4 | เที่ยวฮาคุบะ (เช้า-เย็นกลับ) | นั่งกอนโดล่า เดินขึ้นเขาไปบึงฮัปโป ชมวิวที่ Iwatake Mountain Harbor | โรงแรม Metropolitan Nagano |
5 | เที่ยวโทะกากุชิและวัดเซ็นโคจิ | เที่ยวศาลเจ้า ไหว้พระ กินโซบะ พาวเวอร์สปอต | กลับโตเกียว |
วันที่ 1: โตเกียว → มัตสึโมโต้ -ยินดีต้องรับสู่เมืองปราสาทอีกา
จากชินจูกุ (โตเกียว) นั่งรถบัสด่วน Alpico อย่างสบายๆผ่านชนบทที่สวยงามเข้าสู่เมืองมัตสึโมโตะ จังหวัดนากาโนะ จังหวัดแห่งเทือกเขาแอลป์ อีกทางเลือกหนึ่งคือ นั่งรถไฟ JR Azusa Express ซึ่งใช้เวลาน้อยกว่าประมาณ 30 นาที แต่ราคาสูงกว่าประมาณสองเท่า เหมาะสำหรับผู้ที่มี JR Pass อยู่แล้ว
สถานที่เที่ยวในเมืองมัตสึโมโตะ
- ปราสาทมัตสึโมโตะ: เริ่มต้นด้วยการชม “ปราสาทอีกา” ที่มีสีดำเป็นเอกลักษณ์ และยังเป็นหนึ่งในไม่กี่ปราสาทดั้งเดิมที่เหลืออยู่ในญี่ปุ่น สามารถขึ้นไปบนยอดปราสาทเพื่อชมวิวเมืองรอบๆด้วย
- พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมืองมัตสึโมโตะ: จัดแสดงผลงานของบางส่วนของศิลปิน "ยาโยอิ คุซามะ" ศิลปินชื่อดังระดับโลกซึ่งเกิดที่เมืองมัตสึโมโตะ
- เดินเล่นหาของกิน แวะคาเฟ่: อย่าลืมเดินหาของกินที่ถนน Nakamachi และ Nawate ที่เต็มไปด้วยอาคารโกดังโบราณและคาเฟ่บรรยากาศเรโทร แวะชิมของท้องถิ่นอย่าง Oyaki (ซาลาเปาแบบญี่ปุ่น) และไก่ทอด Sanzokuyaki
เมื่อตกเย็นก็ขึ้นรถชัตเทิลบัสฟรีจากสถานีมัตสึโมโตะไปที่พัก Utsukushigahara Onsen Shoho (อุสึกุชิกาฮาระออนเซ็น โชโฮ) เรียวกังบนเนินเขาที่ผสมผสานความเป็นญี่ปุ่นแท้ๆกับความหรูหราสมัวใหม่ ที่นี่คุณจะได้แช่ออนเซ็นพร้อมชมวิวเมือง ปิดท้ายวันด้วยมื้อค่ำไคเซกิที่จัดเต็มด้วยวัตถุดิบตามฤดูกาล
การเดินทางในเมืองมัตสึโมโตะ
เมืองมัตสึโมโตะมีขนาดกะทัดรัด สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญส่วนใหญ่สามารถเดินถึงกันได้ แต่ถ้าอยากนั่งรถชมเมืองก็มี Town Sneaker รถบัสท่องเที่ยวให้บริการเช่นกัน
ที่พักวันที่ 1–2: Utsukushigahara Onsen Shoho
จุดเด่นของเรียวกัง Utsukushigahara Onsen Shoho
- สามารถชมวิวเมืองมัตสึโมโต้ได้จากห้องพักทุกห้อง
- ห้องพักหลากสไตล์ ทั้งแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมจนถึงแบบโมเดิร์นผสมผสาน
- รวมอาหาร 2 มื้อ: อาหารเย็นแบบไคเซกิ และอาหารเช้าแบบบุฟเฟ่ต์
- มีรถบัสรับส่งฟรีเพียงแค่ 20 นาทีจากสถานี
- ออนเซ็นธรรมชาติ
วันที่ 2: ทริปเช้าเย็นกลับหมู่บ้านโบราณนาราอิ-จุกุ
เริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยบุฟเฟ่ต์อาหารเช้าแบบตะวันตกและญี่ปุ่นที่โชโฮ จากนั้นออกเดินทางด้วยรถไฟ JR มุ่งหน้าไปยังหุบเขา Kiso เพื่อเยี่ยมชม นาราอิ-จุกุ (Narai-juku) หมู่บ้านพักแรมที่โบราณที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีที่สุดแห่งหนึ่งบนเส้นทาง Nakasendo ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเชื่อมระหว่างโตเกียวและเกียวโตเมื่อหลายร้อยปีก่อน
ไฮไลต์ของหมู่บ้าน Narai-juku
- บ้านไม้โบราณ: เดินเล่นไปตามถนนยาวประมาณ 1 กิโลเมตรที่เรียงรายด้วยสถาปัตยกรรมสมัยเอโดะและบ้านพ่อค้าเก่า หลายหลังปัจจุบันถูกดัดแปลงเป็นพิพิธภัณฑ์หรือร้านอาหาร
- งานหัตถกรรมท้องถิ่น: เลือกซื้อ magewappa (กล่องเบนโตะไม้) และเครื่องเขิน Kiso ที่ทำด้วยมืออย่างประณีต เหมาะเป็นของฝากที่สะท้อนฝีมือช่างท้องถิ่นที่สืบทอดต่อกันมาหลายศตวรรษ
- มื้อกลางวันในบ้านโบราณ: สัมผัสกลิ่นอายญี่ปุ่นดั้งเดิมด้วยมื้อกลางวันในบ้านโบราฯณที่มี irori เตาผิงโบราณที่เป็นเอกลักษณ์
การเดินทางไป Narai-juku
จากที่พัก Shoho สามารถนั่งรถชัตเทิลฟรีไปยัง สถานี Matsumoto (มีรอบเวลา 09:00 และ 10:00 น.) หรือจะขึ้นรถบัสประจำทางจากหน้าที่พักก็ได้ มีรอบรถบ่อยกว่า
และจากสถานี Matsumoto ให้นั่งรถไฟ JR Chuo Line ที่มุ่งหน้าไปนาโกย่า ใช้เวลาประมาณ 50 นาที แล้วลงที่สถานี Narai เมื่อออกจากสถานีก็จะเข้าสู่เขตหมู่บ้านโบราณเลย
ที่หมู้บ้านโบราณ Narai-juku สามารถเดินชมบรรยากาศเมืองเก่าและทานมื้อกลางวันที่ได้สบายๆ ราว 3 ชั่วโมง หากใช้เวลาไม่นาน อาจกลับมาเร็วหน่อยเพื่อแวะเที่ยวเก็บตกตัวในเมืองมัตสึโมโต้ที่ไปไม่ทันเมื่อวานก็ได้
ตกเย็นกลับไปพักที่เรียวกังโชโฮ แช่ออนเซ็นให้หายเหนื่อย แล้วเพลิดเพลินกับมื้อค่ำไคเซกิอีกครั้ง (ถ้าพักมากกว่า 1 คืน เมนูอาหารค่ำไคเซกิวันที่ 2 ก็จะเปลี่ยนไม่ซ้ำกับวันแรก)
โรงแรมอื่นๆที่แนะนำ
หากต้องการพักใกล้สถานีรถไฟ แนะนำ Alpico Plaza Hotel และ Hotel Buena Vista
- Alpico Plaza Hotel: อยู่เยื้องๆกับสถานีรถไฟและติดกับท่ารถบัส เดินทางสะดวกมาก เดินเพียง 2 นาที
- Hotel Buena Vista: ได้ชื่อว่าเป็นโรงแรมในเมืองที่ดีที่สุดของมัตสึโมโตะ และอยู่ใกล้สถานีเช่นกัน เดินเพียง 7 นาที มีรถรับส่งจากสถานีฟรี
โรงแรมทั้ง 2 แห่ง เดินทางสะดวกใกล้สถานี ทำให้วันต่อไปที่ไปเที่ยวคามิโคจิจะเดินทางสะดวก แถมอยู่ใกล้แหล่งของกิน ใกล้ซุปเปอร์มาร์เก็ต Delicia และร้าน Matsumoto Kiyoshi ที่สำคัญคือยังสามารถนั่งรถบัสฟรีไปแช่ออนเซ็นที่เรียวกังโชโฮได้ด้วย! (ต้องจองล่วงหน้าตอนเช็คอิน)
วันที่ 3: มัตสึโมโตะ → คามิโคจิ → นากาโนะ
หลังมื้อเช้าก็ได้เวลาออกเดินทางด้วยรถบัสตรงของ Alpico (National Park Liner) ไปยัง คามิโคจิ หนึ่งในหุบเขาภูเขาที่สวยที่สุดของญี่ปุ่น ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติ Chubu Sangaku
ที่นี่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของแม่น้ำสีฟ้าใส สะพานแขวน และวิวเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่น จนได้รับการยกย่องว่าเป็นสวรรค์ของนักเดินป่า
ไฮไลต์ในคามิโคจิ
- สะพานคัปปะ (Kappa Bridge): สะพานแขวนทำด้วยไม้ข้ามแม่น้ำอาสุซะ สัญลักษณ์ของคามิโคจิ โดยมีฉากหลังเป็นเทือกเขาโฮตากะ จุดถ่ายรูปยอดนิยม
- บึงไทโช (Taisho Pond): บึงที่สวยงามราวกับภาพวาดนี้ สะท้อนภูเขารอบๆลงบนผิวน้ำราวกับกระจกเงา บึงเล็กๆนี้เกิดขึ้นจากการปะทุของภูเขาไฟ Yake เมื่อร้อยกว่าปีก่อน
- เส้นทางเดินธรรมชาติ: เดินเล่นสบายๆริมแม่น้ำ ผ่านแนวต้นสนลาร์ชและป่าเบิร์ช ระหว่างทางอาจจะได้ชมลิงป่าหรือนกนานาชนิดที่ออกมาทักทายกันให้เห็นด้วย
วิธีการเดินทางไปคามิโคจิ
จากเรียวกัง Shoho ไปคามิโคจิ มี 2 วิธีหลัก:
- ทางเลือก 1: รถบัสตรง (สะดวกสุด)
ขึ้นรถชัตเทิลบัสจาก Shoho เวลา 09:00 น. ไปยังสถานี Matsumoto ต่อรถบัสตรง “National Park Liner” ที่ Matsumoto Bus Terminal เวลา 10:15 น. เดินทางถึง Kamikochi Bus Terminal ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. 40 นาที จะมีเวลาประมาณ 3 ชั่วโมงสำหรับเที่ยวคามิโคจิ - ทางเลือก 2 2: รถไฟ + รถบัส
(แนะนำกรณีอยากเที่ยวในคามิโคจินานขึ้น)
เดินทางด้วยรถบัสประจำทางหรือแท็กซี่ไปยังสถานี Matsumoto (ไม่รอเวลารถบัสฟรี) ต่อนั่งรถไฟสาย Kamikochi Line ไปลงปลายทางสถานี Shin-Shimashima จากนั้นก็ต่อรถบัสไปคามิโคจิ วิธีนี้จะทำให้ไปถึงเร็วกว่า และมีเวลาในคามิโคจิประมาณ 4–5 ชม.
หมายเหตุ: สามารถฝากกระเป๋าเดินทางที่ท่ารถบัสคามิโคจิได้
ดูตารางเวลารถบัสตรง / รถไฟ+รถบัสสาย Matsumoto ー Kamikochi >
ดูวิธีการเดินทางระหว่าง Matsumoto และ Kamikochi อย่างละเอียด >
จาก Kamikochi ไป Nagano
มีรถบัสตรงจากคามิโคจิไปนากาโนะเพียงรอบเดียว คือเวลา 15:00 น. และให้บริการเฉพาะบางวันเท่านั้น แนะนำให้ตรวจสอบตารางเดินรถล่วงหน้า
ที่พักวันที่ 3–4: Nagano Metropolitan Nagano
หลังจากชมธรรมชาติจนชุ่มปอดแล้ว สามารถนั่งรถบัสตรงของ Alpico ไปยังเมืองนากาโนะ ซึ่งจะเป็นฐานที่พักที่สะดวกสบายสำหรับพัก 2 คืนถัดไป โรงแรม Nagano Metropolitan Hotel เป็นโรงแรมสมัยใหม่ที่เชื่อมต่อโดยตรงกับสถานี JR นากาโนะ เดินทางง่าย แถมสะดวกต่อการช้อปปิ้งและหาร้านอาหารใกล้ๆ
ถ้ายังมีพลังเหลืออยู่ แนะนำให้เดินเล่นที่ Midori Nagano (ศูนย์การค้าที่ติดกับสถานี) หรือไปเข้าร้านดื่มกิน (Izakaya) ที่มีอยู่มากมายรอบๆสถานีก็ได้
วันที่ 4: ทริปหนึ่งวันสู่ฮาคุบะ – บึงฮัปโปและเมาเท่นฮาร์เบอร์
วันนี้เดินทางไป ฮาคุบะ เมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องสกีรีสอร์ตระดับโลกในฤดูหนาว แต่ในฤดูร้อนก็มีเสน่ห์ไม่แพ้กัน เตรียมพบกับเส้นทางเดินเขา กอนโดล่าและสกีลิฟต์ขึ้นภูเขา กับวิวเทือกเขาแอลป์แบบพาโนรามาที่สวยจนลืมหายใจ อย่าลืมเตรียมรองเท้าเดินเขา และตรวจสอบพยากรณ์อากาศก่อนออกเดินทาง
ไฮไลท์ในฮาคุบะ
- บึงฮัปโป (Happo Pond): นั่งกอนโดล่าและสกีลิฟต์ขึ้นไปยังจุดเริ่มต้นเส้นทางเดินเทรก ใช้เวลาเดินขึ้นเขาไป–กลับประมาณ 2.5 ชั่วโมง เพื่อชมบึงฮัปโปที่สะท้อนยอดเขาแอลป์เหนือรอบๆสวยงามราวกับภาพในฝัน
- ฮาคุบะอิวาตาเกะ (Hakuba Iwatake Mountain Resort): ขึ้นกอนโลล่าไปยังรีสอร์ตบนยอดเขา เพลิดเพลินกับวิวอลังการ คาเฟ่บรรยากาศดี และกิจกรรมกลางแจ้งสุดมันส์ เช่น Mountain Cart และ ชิงช้า YOO-HOO Swing
อ่านเพิ่มเติม:
- คู่มือเที่ยวบึงฮัปโป (Happo Pond) : เส้นทางเดินเขาพร้อมวิวอลังการของเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่น
- Hakuba Iwatake Mountain Resort: สถานที่ท่องเที่ยวห้ามพลาดในนากาโนะ นอกจากคามิโคจิ
วิธีการเดินทางไปฮาคุบะ
จากสถานี JR Nagano ไปบึงฮัปโป ให้นั่งรถบัส Alpico สาย Nagano ー Hakuba ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. 15 นาที ไปยัง Happo Bus Terminal จากนั้นสามารถนั่งแท็กซี่หรือเดินประมาณ 15 นาที (1 กม.) ไปยังสถานีกอนโดล่า Happo เพื่อนั่งกอนโดล่าและสกีลิฟต์ต่อขึ้นไปยังจุดเริ่มต้นทางเดินขึ้นเขาไปบึงฮัปโป
ดูตารางรถบัสสาย Nagano ー Hakuba >
สำหรับการไป Hakuba Iwatake Mountain Resort จาก Happo Bus Terminal ให้ขึ้นรถบัสสาย Hakuba Station ー Happo ー Tsugaike และลงที่ป้าย Hakuba Iwatake Mountain Resort ซึ่งอยู่ติดกับสถานีกอนโดล่า Noah ที่จะขึ้นไปไปด้านบน ตอนขากลับก็เพียงนั่งรถบัสสายเดิม Nagano – Hakuba กลับไปนากาโนะได้
กลับเข้าสู่ เมืองนากาโนะ เพื่อพักผ่อน แต่ถ้ายังมีแรงเหลืออยู่ จะไปแวะเดินเล่นที่ร้าน Don Quijote ใกล้ๆโรงแรมก็ได้ มีขายตั้งแต่ของฝาก ของกินเล่น ไปจนถึงสกินแคร์ญี่ปุ่นยอดนิยม
วันที่ 5: ศาลเจ้าโทะกาคุชิ & วัดเซ็นโคจิ – ไหว้พระ ขอพร
ปิดท้ายการเดินทางทริปนากาโนะด้วยการสงบใจเข้าวัดไหว้พระ แวะชมป่าโบราณของโทะกาคุชิ
ตอนเช้า: ศาลเจ้าโทะกาคุชิ (Togakushi) หมู่บ้านนินจาและโซบะ
เริ่มต้นวันสุดท้ายด้วยการนั่งรถบัสชมวิวจากสถานีนากาโนะไปยัง โทะกาคุชิ (Togakushi) หมู่บ้านบนภูเขาทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมือง ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นหมู่บ้านที่ซ่อนตัวของเหล่านินจา มีทางเดินต้นสนซีดาร์โบราณสูงตระหง่าน ศาลเจ้าที่เก่าแก่ และโซบะทำมือที่มีชื่อเสียงที่สุดติด 1 ใน 3 ของญี่ปุ่น
- ศาลเจ้าโทะกาคุชิ (Togakushi Shrine): ศาลเจ้าแห่งนี้ประกอบด้วยศาลเจ้าหลัก 5 แห่งกระจายอยู่บนภูเขา จุดที่มีชื่อเสียงที่สุดคือ Okusha (ศาลเจ้าด้านบน) ซึ่งต้องเดินเท้าผ่านทางเดินต้นซีดาร์อายุกว่า 400 ปี และประตูซุยชินมง (Zuishinmon) สีแดง
- โซบะโทะกาคุชิ (Togakushi Soba): ห้ามพลาด "โซบะ" เมนูขึ้นชื่อของท้องถิ่น เสิร์ฟเย็นคู่กับซอสจิ้ม และสามารถเลือกทานคู่กับเทมปุระกรอบๆได้ หรือถ้าอากาศหนาวก็มีเมนูโซบะร้อนให้เลือกเช่นกัน
- พิพิธภัณฑ์นินจาโทะกาคุเระ (Togakure Ninja Museum): ตั้งอยู่ตรงข้ามทางเข้าทางเดินต้นสนไปศาลเจ้า Okusha ภายในจัดแสดงอุปกรณ์นินจาต่างๆ รวมถึง คฤหาสน์กลที่เต็มไปด้วยกลไกต่างๆให้เราหาทางออกจากคฤหาสน์เอง รับรองว่าสนุกสนานได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่
อ่านเพิ่มเติม: เทรกกิ้งชมศาลเจ้าทั้ง 5 แห่งในโทะกากุชิ
ตอนบ่าย: วัดเซ็นโคจิ (Zenkoji Temple)
กลับเข้าสู่เมืองนากาโนะในช่วงบ่าย แล้วมุ่งหน้าไปยัง วัดเซ็นโคจิ หนึ่งในวัดพุทธที่เก่าแก่และสำคัญที่สุดของญี่ปุ่น
- วัดเซ็นโคจิ: เชื่อกันว่าวัดแห่งนี้เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปองค์แรกที่ถูกอัญเชิญมาญี่ปุ่น จึงเป็นวัดที่มีความสำคัญมาอย่างยาวนาน
- โอไคดัน เมะกุริ (Okaidan Meguri): ประสบการณ์ที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนวัดเซ็นโคจิ คือการลงไปในทางเดินใต้ดินที่มืดสนิทของโบสถ์เพื่อคลำหา “กุญแจสู่สวรรค์”
- ถนนนากามิเสะ (Nakamise Street): ถนนคนเดินหน้าทางเข้าวัด คลาคล่ำไปด้วยผู้คน ร้านขายของที่ระลึกและขนมของกินพื้นเมือง สามารถเดินเล่นเลือกซื้อของฝากที่นี่ได้
After your final day of spiritual and cultural exploration, head back to Nagano Station for your return to Tokyo. You can take the Hokuriku Shinkansen (about 90 minutes) or the Alpico Highway Bus to Shinjuku. If you prefer a more relaxed pace, stay one more night in Nagano and travel back the next morning.
หลังจบวันสุดท้ายแห่งการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมและจิตวิญญาณ กลับไปที่สถานี Nagano เพื่อเดินทางกลับโตเกียว โดยรถไฟ Hokuriku Shinkansen หรือรถบัสด่วน Alpico ก็ได้
ดูตารางรถบัสสาย Nagano ー Tokyo >
แต่ถ้าไม่อยากเร่งรีบ สามารถค้างคืนที่นากาโนะเพิ่มอีก 1 คืน แล้วค่อยเดินทางกลับในเช้าวันถัดไปก็ได้
วิธีการเดินทางไปโทะกาคุชิ / วัดเซ็นโคจิ
สถานีนากาโนะ → โทะกาคุชิ: นั่งรถบัสสาย Nagano – Togakushi จากสถานี JR Nagano จุดขึ้นรถอยู่ถนนฝั่งตรงข้ามกับโรงแรม Nagano Metropolitan หน้าห้องขายตั๋วรถบัส Alpico
ดูตารางรถบัส Nagano ー Togakushi >
สถานีนากาโนะ → วัดเซ็นโคจิ : สามารถขึ้นรถบัสสาย 10, 11, 16 หรือ 17 ได้จากป้ายหมายเลข 1 ฝั่ง Zenkoji Exit ของสถานีนากาโนะ (รถบัสออกทุกๆประมาณ 10-20 นาที)
เป็นอย่างไรบ้างคะกับแผนเที่ยวนากาโนะครบจบ 5 วัน? นากาโนะเป็นจังหวัดที่เที่ยวได้หลากหลาย ทั้งธรรมชาติและเชิงประวัติศาสตร์วัฒนธรรม การเดินทางก็ไม่ลำบากด้วยรถบัส Alpico และเครือข่ายรถไฟ JR ไม่ต้องเช่ารถก็เที่ยวได้
หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ทุกคนวางแผนได้ง่ายขึ้น แล้วมาเที่ยวสนุกที่นากาโนะกันนะคะ