matsushiro (1)
matsushiro (1)

เดินเล่นชมเมือง ย้อนเวลากลับไปยุคซามูไรที่มัตสึชิโระ

ซามูไร – นักรบชาวญี่ปุ่นแต่ครั้งโบราณผู้ช่ำชองในการสู้รบ เป็นที่รู้จักและร่ำลือในความกล้าหาญไม่กลัวตาย และยังรักษาเกียรติของตัวเองยิ่งชีวิต วิถีการใช้ชิวิตแบบนี้เรียกว่า “บูชิโด” (Bushido) แปลได้ว่า “วิถีแห่งนักรบ” หลายคนคงจะได้รู้จักหรือได้ยินเกี่ยวกับซามูไรมาบ้างไม่น้อย แต่เชื่อว่าหลายคนคงยังไม่เคยได้เห็น “บ้าน” ของซามูไรจริงๆ วันนี้เราจะพาไปดูกันค่ะ

 

ซามูไร – นักรบชาวญี่ปุ่นแต่ครั้งโบราณผู้ช่ำชองในการสู้รบ เป็นที่รู้จักและร่ำลือในความกล้าหาญไม่กลัวตาย และยังรักษาเกียรติของตัวเองยิ่งชีวิต วิถีการใช้ชิวิตแบบนี้เรียกว่า “บูชิโด” (Bushido) แปลได้ว่า “วิถีแห่งนักรบ” หลายคนคงจะได้รู้จักหรือได้ยินเกี่ยวกับซามูไรมาบ้างไม่น้อย แต่เชื่อว่าหลายคนคงยังไม่เคยได้เห็น “บ้าน” ของซามูไรจริงๆ วันนี้เราจะพาไปดูกันค่ะ

matsushiro (1)

คนที่เคยไปเที่ยวปราสาทคงจะมีคนที่เข้าใจผิดคิดว่าปราสาทคือบ้านของซามูไร แต่ความจริงปราสาทจะเอาไว้ใช้ในยามที่มีศึกสงครามเท่านั้น จะว่าไปก็คือป้อมปราการนั่นเอง เวลาที่ใช้ชีวิตปกติ ซามูไรก็จะมีบ้านพักเป็นของตัวเองไม่นอนในปราสาท ในจังหวัดนากาโนะเมืองเล็กๆแห่งนี้ที่มีชื่อว่า “มัตสึชิโระ” เป็นสถานที่เหมาะแก่การศึกษาการใช้ชีวิตของซามูไรมากๆ ตระกูลซามูไรที่โด่งดังที่สุดของแคว้นนี้ก็คือตระกูลซานาดะ ที่ได้ปกครองแคว้นนี้มาตั้งแต่สมัยเอโดะเป็นเวลากว่าร้อยๆปีแล้ว

 
 matsushiro (2)
 

เนื่องจากเมืองเก่าแห่งนี้ค่อนข้างที่จะมีการอนุรักษ์อาคารไว้เป็นอย่างดี ระหว่างที่เดินเล่นอยู่ในเมืองจึงรู้สึกเหมือนเราได้เดินย้อนเวลากลับไปจริงๆ ถ้าโชคดีก็อาจจะเจอใครใส่ชุดกิโมโนเดินอยู่แบบนี้ด้วย!

จากสถานีนากาโนะ สามารถนั่งรถบัสไปลงที่ป้ายรถบัสสถานีมัตสึชิโระได้ใช้เวลาเพียง 30 นาที (วิธีการเดินทางอย่างละเอียดจะเขียนไว้ที่ท้ายบทความค่ะ) เมืองมัตสึชิโระเป็นเมืองเล็กๆ สามารถเดินเที่ยวได้ไม่ยาก หรือจะเช่ารถจักรยานจากศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยวซึ่งอยู่ใกล้ๆกับสถานีมัตสึชิโระก็ได้ ซึ่งเราสามารถแวะหยิบแผ่นที่ท่องเที่ยวจากที่นี่ได้ด้วย จากตรงนี้เพียงข้ามถนนไปก็จะพบกับร่องรอยแห่งอดีตสมัยที่ซามูไรยังโลดแล่นไปทั่วญี่ปุ่น

ซากปราสาทมัตสึชิโระ

matsushirojyoato 

ปราสาทมัตสึชิโระแต่เดิมมีชื่อเรียกว่า “ปราสาทไคซุ” (Kaizu Castle) สร้างขึ้นโดยคำสั่งของ ”แม่ทัพทาเคดะ ชินเง็น” ในปี 1560 เพื่อเตรียมไว้รับศึกจาก “อุเอะสึงิ เค็นชิน” เพื่อที่จะได้ครอบครองพื้นที่ทางตอนเหนือของจังหวัดนากาโนะ ถึงแม้ว่าปราสาทจะสร้างอยู่บนพื้นที่ราบ แต่ที่ตั้งที่อยู่ติดกับแม่น้ำจิคุมะและล้อมรอบไปด้วยภูเขาทำให้ปราสาทแห่งนี้มีความได้เปรียบในการรบ ถึงแม้กระนั้นตระกูลทาเคดะก็พ่ายแพ้ให้กับไดเมียวผู้ครองแคว้นอื่นๆ ก่อนที่ในที่สุดปราสาทแห่งนี้จะตกเป็นของตระกูลซานาดะ ซึ่งได้ปักหลักอยู่เมืองมัตสึชิโระ จนกลายมาเป็นสัญลักษณ์ของเมืองแห่งนี้มาจนถึงปัจจุบัน

สำหรับคนที่ชอบศึกษาประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น อาจจะได้ยินคำว่า “ยุคเซ็นโกะคุ” มาบ้าง ยุคเซ็นโกะคุคือยุคที่ประเทศญี่ปุ่นยังแตกแยก แบ่งกันปกครองกันเอง โดยที่ไดเมียวผู้ครองแคว้นแต่ละคนก็ทำการต่อสู้เพื่อแย่งชิงดินแดน ในขณะนั้นตระกูลซานาดะได้ขึ้นมามีบทบาทสำคัญ โดยทำงานรับใช้ให้กับตระกูลทาเคดะ และต่อมาก็กลายมาเป็นบริวารให้กับการปกครองภายใต้การนำของโทโยโทะมิ ฮิเดะโยชิ ถึงแม้ว่าตระกูลซานาดะจะไม่ได้เป็นซามูไรที่แข็งแกร่งมีอำนาจมากที่สุดในขณะนั้น แต่ด้วยความเก่งกาจในการต่อสู้บวกกับความสามารถในการเอาตัวรอด ทำให้ตระกูลนี้เป็นที่รู้จักกันทั่วไป ในปี 1622 ตระกูลซานาดะได้ย้ายจากเมืองอุเอดะมาเป็นไดเมียวคนใหม่ของแคว้นมัตสึชิโระ หลังจากนั้นก็ได้เปลี่ยนชื่อปราสาทมาเป็น “ปราสาทมัตสึชิโระ” และปกครองแคว้นนี้ต่อมายาวนานกว่าอีก 10 รุ่น ก่อนที่ระบบการปกครองแบบแว่นแคว้นศักดินาจะถูกยกเลิกไป

ปราสาทแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ที่สำคัญของประเทศญี่ปุ่น จึงได้รับการรับเลือกให้เป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของชาติในปี 1981 และยังเป็นหนึ่งใน 100 สุดยอดปราสาทของญี่ปุ่น อย่างไรก็ตามตัวปราสาทได้ถูกผ่านการทำลายมาหลายครั้ง สิ่งที่เหลือให้เห็นในปัจจุบันจึงเป็นส่วนที่ได้รับการบูรณะสร้างขึ้นมาใหม่

 
IMG_9488-Nagano-Convention-Bureau
ต้นซากุระที่ปราสาทมัตสึชิโระ @Nagano Convention & Visitors Bureau
 
IMG_9744-Nagano-Convention-Bureau
ต้นซากุระที่ปราสาทมัตสึชิโระ @Nagano Convention & Visitors Bureau

การไปเที่ยวปราสาทมัตสึชิโระในตอนที่ซากุระบานเป็นช่วงที่แนะนำที่สุด เพราะบริเวณกำแพงปราสาทกับลานภายในจะถูกแต่งแต้มไปด้วยสีชมพูอ่อนของดอกซากุระที่บานอยู่ทั่วไป

เทศกาลซานาดะ

 
matsushirosengokumatsuri2-Nagano-Convention-Bureau
เทศกาลซานาดะ @Nagano Convention & Visitors Bureau
 
matsushirosengokumatsuri
เทศกาลซานาดะ @Nagano Convention & Visitors Bureau
 

เพื่อเป็นการรำลึกถึงเหล่าซามูไรที่เคยปกครองแคว้นมัตสึชิโระในอดีตเป็นเวลากว่า 250 ปี จึงมีการจัดเทศกาลขึ้นเป็นประจำทุกปีราวช่วงกลางเดือนตุลาคม เรียกว่าเทศกาลซานาดะจูมันโกะคุ (Sanada Juumangoku Festival) โดยชาวเมืองจะร่วมกันแต่งตัวเป็นซามูไร เจ้าหญิง นินจาและบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์อื่นๆ คนที่อยู่ในงานเทศกาลคงจะรู้สึกเหมือนกับได้เห็นขบวนแห่ในสมัยก่อนจริงๆเลย ขบวนจะเริ่มเดินจากปราสาทมัตสึชิโระผ่านเมืองเก่า โดยมีไดเมียวตระกูลซานาดะขึ้นขี่บนหลังม้า และมีเหล่าบริวารถือธงที่มีสัญลักษณ์ตราประจำตระกูลรูปเหรียญ 6 อันตามหลัง ถ้ามีโอกาสอยู่ที่เมืองนากาโนะช่วงนี้ ก็น่าจะที่จะมาเที่ยวที่นี่ดูค่ะ

คฤหาสน์ตระกูลซานาดะ

sanadajyoutei2
 
หลังจากเที่ยวปราสาทเสร็จแล้วก็เดินต่อไปตรงกลางเมืองเก่า ถนนแคบๆกับกำแพงปูนสีขาวและบ้านเก่าสไตล์ยุคเอโดะที่มีให้เห็นประปรายระหว่างเดินเล่น ทำให้เมืองนี้เป็นเมืองที่น่าเดินเล่นอีกเมือง เหมือนกับได้ย้อนเวลากลับไปซัก 2 ร้อยปี บรรยากาศเก่าๆของบ้านนอกญี่ปุ่นที่นี่ได้รับการรักษาเป็นอย่างดี ไม่มีตึกสูงและอาคารสมัยใหม่มาทำให้เสียบรรยากาศ ทำให้ที่นี่กลายเป็นสถานที่ยอดนิยมในการถ่ายทำภาพยนต์และละครย้อนยุค โดยเฉพาะที่คฤหาสน์ตระกูลซานาดะที่เราจะแนะนำต่อไป เรียกได้ว่าเป็นที่ที่นิยมมากที่สุดเลย
 
sanadajyoutei3

ทางเดินยาวที่เชื่อมต่อห้องทั้งหลายบนชั้น 1

 
 
sanadajyoutei7

ในจำนวนห้องมากมายที่มี มีห้องหนึ่งที่ได้จัดเป็นห้องนิทรรศการเล็กๆแสดงประวัติความเป็นมาของตระกูลซานาดะ

คฤหาสน์แห่งนี้สร้างขึ้นโดยหัวหน้าตระกูลซานาดะรุ่นที่ 9 เพื่อมอบให้กับแม่ยาย ซึ่งต่อมาก็ได้เปลี่ยนกลับมาให้ตัวเองได้ใช้ในบั้นปลายของชีวิต ตระกูลซานาดะได้เก็บคฤหาสน์แห่งนี้ไว้จนถึงปี 1966 จึงได้มอบให้กับทางเมืองนากาโนะ พร้อมๆกับปราสาท คฤหาสน์แห่งนี้ได้รับการรับเลือกให้เป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของชาติในปี 1981

matsushiro (4)

matsushiro (7)

ดูเหมือนว่าตอนที่สร้างคฤหาสน์แห่งนี้ขึ้นมา น่าจะเป็นการสร้างแบบมีงบไม่อั้น เพราะทั้งคฤหาสน์มีห้องทั้งหมดถึง 53 ห้อง! หลายๆห้องก็ประดับด้วยแผ่นกระดาษเป็นวอลเปเปอร์ บ่งบอกฐานะของผู้สร้างได้เป็นอย่างดี

sanadajyoutei6

matsushiro (6)

เมื่อเปิดบานเลื่อนกระดาษ (โชจิ) ก็จะเผยให้เห็นระเบียงทางเดินกับวิวสวนสวยแบบนี้

matsushiro (5)
 
matsushiro (8)

ข้างนอกบ้านมีสวนเล็กๆ มีกระทั่งแม้ศาลเจ้าน้อยๆด้วย ลองคิดดูว่าจะดีแค่ไหน หากได้ใช้ชีวิตที่นี่ มองออกไปเห็นสวนสวยๆ ธรรมชาติสบายตา แล้วก็ยังสามารถเดินผ่อนคลายเมื่อไหร่ก็ได้ตามแต่ใจ

ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 200 เยน / เด็กประถม-มัธยมต้น 80 เยน
เวลาทำการ: 9:00 – 17:00 น. (เข้าได้ถึง 16:30 น.) ปกติจะเปิดตลอดปี

matsushiro (11)

 

TIP! ขณะที่ท่องเที่ยวในเมืองมัตสึชิโระ อาจจะพบกับ QR Code แบบนี้ได้ สามารถใช้มือถืออ่านเพื่อรับฟังคำบรรยายได้ ที่สำคัญมีภาษาไทยด้วย! ต่อจากนี้ไปก็ไม่ต้องไปเที่ยวแบบงงๆกันต่อไปแล้วค่ะ

พิพิธภัณฑ์หอสมบัติซานาดะ

sanadahoubutukan

พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้ๆกับคฤหาสน์ตระกูลซานาดะ ภายในเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์แน่นเอี๊ยด มีของจัดแสดงมากกว่า 50,000 ชิ้น เช่น เสื้อเกราะ ภาพวาด เอกสารและจดหมายที่เขียนโดยลายมือไดเมียวมากมาย ซึ่งเก็บสะสมโดยลูกหลานตระกูลซานาดะ ของทั้งหมดถูกจัดแสดงในตู้กระจก และจะถูกนำมาหมุนเวียนจัดแสดง 4 ครั้งต่อปี

ก่อนที่จะออกจากพิพิธภัณฑ์ จะต้องเดินผ่านห้องวะคุวะคุ (Waku Waku Room) มีเวทีกับเสื้อเกราะของซามูไรจำลองและชุดกิโมโนให้สามารถลองใส่ได้ฟรี ไหนๆก็มาถึงนี่แล้ว เปลี่ยนชุดกลายร่างเป็นซามูไรกับเจ้าหญิงถ่ายรูปเก็บไปเป็นที่ระลึกก็สนุกดีนะคะ

ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 300 เยน / เด็กประถม-มัธยมต้น 120 เยน
เวลาทำการ: 9:00 – 17:00 น. (เข้าได้ถึง 16:30 น.) *ปิดทุกวันอังคาร แต่ถ้าวันอังคารเป็นวันหยุดนักขัตฤกษ์ก็จะเปิดให้บริการ มีวันหยุดเพื่อปิดทำความสะอาดครั้งใหญ่ราวๆปลายเดือนมิถุนายนของทุกปี

วัดโชโคะคุจิ

tyoukokuji2

จุดสุดท้ายของวันนี้ก็ยังคงเกี่ยวข้องกับซามูไรตระกูลซานาดะ ซึ่งก็คือวัดโชโคะคุจิ วัดนี้เป็นวัดประจำตระกูลซานาดะ ดังนั้นที่หลังคาก็จะประดับด้วยตราตระกูลที่เรียกว่า “โระขุมงเซ็น” (rokumonsen) ซึ่งก็มีชื่อมาจากดีไซน์รูปเหรียญ 6 เหรียญ คือ “โระขุ” (หก) “มง” (หน่วนเงินสมัยก่อน) และ “เซ็น” (เหรียญ) โดยมีความเชื่อตามศาสนาพุทธนิกายที่ชาวญี่ปุ่นนับถือว่า จะต้องมีเงินเพื่อใช้ข้ามแม่น้ำไปยังโลกแห่งคนตาย ดังนั้นความหมายจึงมีนัยยะแฝงว่า คนตระกูลซานาดะไม่กลัวตายและพร้อมที่จะสละชีพในสนามรบเสมอ

ลานด้านหลังของวัดโชโคะคุจิเป็นสถานที่ฝังร่างของคนตระกูลนี้ นอกจากนี้ใกล้ๆกันก็ยังมีสุสานอนุสาวรีย์อีก 2 แห่ง แต่มีรั้วไม้กั้นไว้ หากต้องการเข้าไปชมใกล้ๆ ให้ถามคนที่วัดว่าสามารถเข้าไปได้หรือเปล่า (มีห้องสำนักงานเล็กๆอยู่ทางด้านขวาทางเข้าวัด) ถ้าอนุญาตก็จะมีคนมาไขกุญแจเปิดให้ โดยเสียค่าเข้าชม 300 เยน

tyoukokuji4
 

สุสานนี้เป็นของไดเมียวผู้ครองแคว้นรุ่นที่ 1 ซึ่งก็คือซานาดะ โนะบุยุกิ ได้รับเลือกให้เป็นสมบัติทางวัฒนธรรมที่สำคัญแห่งหนึ่ง สามารถชมด้านในได้โดยเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

 
matsushiro (9)

ส่วนสุสานนี้เป็นของไดเมียวผู้ครองแคว้นรุ่นที่ 4 ของตระกูลซานาดะ

matsushiro (10)

 

และบริเวณนี้จะเป็นที่ฝังศพของคนในตระกูลและไดเมียวท่านอื่นๆ

ค่าเข้าชม: บริเวณวัดไม่ต้องเสียค่าเข้าชม
ค่าเข้าชมบริเวณสุสาน: ผู้ใหญ่ 300 เยน / เด็กประถม-มัธยมต้น 200 เยน
ค่าเข้าชมภายในสุสาน: 500 เยน
เวลาทำการ: 9:00 – 16:00 น. *ปิดทุกวันพุธและช่วงปีใหม่

ถึงแม้ว่าซามูไรตระกูลซานาดะจะมีความบทบาทสำคัญมากที่สุดในมัตสึชิโระ แต่ที่นี่ก็ยังมีบ้านของเหล่าซามูไรและพ่อค้ามากมายที่เปิดให้เราเข้าชมได้ด้วย  นอกจากนี้ที่เมืองแห่งนี้ก็ยังมีร่องรอยประวัติศาสตร์ที่เราคาดไปไม่ถึงด้วย เช่น ศูนย์บัญชาการลับใต้ดินที่ขุดเจาะเข้าไปในภูเขา เพื่อที่จะใช้เป็นฐานที่มั่นในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2

หวังว่าใครที่ผ่านมาทางเมืองนากาโนะ จะลองเข้ามาเที่ยวชมเมืองมัตสึชิโระกันด้วยนะคะ รถบัสขาเดียวใช้เวลาเพียง 30 นาที สามารถเก็บเที่ยวภายในครึ่งวันได้สบายๆเลย

วิธีการเดินทางไปมัตสึชิโระ

nagano_station_map-1
 

เมืองมัตสึชิโระอยู่ห่างจากตัวเมืองนากาโนะเพียงครึ่งชั่วโมง สามารถขึ้นรถบัสสาย 30 จากป้ายรถบัสเบอร์ 3 หน้าสถานีนากาโนะฝั่งทางออก Zenkoji ได้เลย และให้ลงที่ป้าย Matsushiro Station
ดูตารางเวลารถบัสไปมัตสึชิโระ >

ส่วนการเดินทางมานากาโนะจากเมืองต่างๆ สามารถเช็คตารางเวลารถบัสและค่าโดยสารได้จากลิงค์ข้างล่างเลยค่ะ

พาสรถบัสแนะนำ

สำหรับใครที่แพลนที่จะเที่ยวในเมืองนากาโนะ (วัดเซ็นโคจิ) กับมัตสึชิโระภายในวันเดียวกัน แนะนำให้ซื้อพาสรถบัส Zenkoji & Matsushiro 1 Day Pass สามารถนั่งรถบัสที่ครอบคลุมวัดเซ็นโคจิ สถานีนากาโนะและมัตสึชิโระได้ไม่จำกัดรอบภายใน 1 วัน สายรถบัสที่นั่งได้คือสาย 30 และ 48 (นั่งได้ตลอดสาย) 10 11 16 17 และ 21 (นั่งได้ระหว่างช่วงสถานีนากาโนะ – วัดเซ็นโคจิและพิพิธภัณฑ์ศิลปะมิสึโนะ)

ราคา: ผู้ใหญ่ 1,500 เยน / เด็ก 750 เยน
มีจำหน่ายที่: ALPICO Kotsu Nagano Sta. Information Center (ตรงป้ายรถบัสเบอร์ 7 หน้าสถานีนากาโนะ ดูแผนที่)

 
MENU