บล็อกพาเที่ยว
One-day Trip in Suwa นั่งเรือล่องทะเลสาบสุวะ เดินตะลอนเที่ยวชิมสาเกชื่อดัง
บริเวณกึ่งกลางจังหวัดนากาโนะเป็นที่ตั้งของเมืองเล็กๆที่เงียบสงบแห่งหนึ่งชื่อ “สุวะ” เมืองแห่งนี้มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักขึ้นมาเพราะเป็นสถานที่ต้นแบบในการสร้างสรรค์ผลงานอนิเมชั่นปี 2016 เรื่อง “Your Name” (Kimi no Na wa) ในฤดูร้อนจะมีการจัดแสดงดอกไม้ไฟอย่างยิ่งใหญ่เหนือทะเลสาบสุวะ และในฤดูหนาวก็สามารถดูปรากฏการณ์ “โอมิวาตาริ” ที่ผิวน้ำบนทะเลสาบจะแข็งเป็นน้ำแข็งทั้งหมดได้ด้วย นอกจากทะเลสาบ ศาลเจ้าชินโตอันเก่าแก่ โรงบ่มสาเกและพิพิธภัณฑ์ต่างๆที่น่าสนใจ ที่สุวะยังมีอะไรให้ทำและดูอีกมากมายจนไม่สามารถจะใส่เข้าไปในแผนเที่ยวทั้งหมดภายใน 1 วันได้ แต่ถ้าหากมีเวลาแค่วันเดียวและอากาศเป็นใจให้ เราจะใช้เวลา 1 วันในสุวะกันแบบนี้ค่ะ
เมืองสุวะประกอบไปด้วยเมืองเล็กๆ 2 แห่งคือ เมืองคามิสุวะ (Kamisuwa) และเมืองชิโมะสุวะ (Shimosuwa) ซึ่งทั้ง 2 เมืองก็มีสถานีเป็นของตัวเอง สถานีที่ใกล้ทะเลสาบและสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆมากที่สุดคือสถานีคามิสุวะ สามารถเดินทางไปได้ทั้งโดยรถไฟและรถบัส สามารถเช็คตารางเวลารถบัสจากโตเกียวไปสุวะได้ที่นี่
ครั้งนี้เราเดินทางจากมัตสึโมโต้ จึงเดินทางโดยรถไฟขบวนธรรมดา (local) ใช้เวลาประมาณ 40 นาที เมื่อถึงสถานีก็จะพบกับบ่อออนเซ็นสำหรับแช่เท้าทางด้านซ้ายของช่องตรวจตั๋ว สามารถใช้บริการได้ฟรีตั้งแต่ 9:00 น. จนถึง 21:00 น. ซึ่งขากลับเราก็เล็งไว้ว่าจะมาแช่เท้ารอเวลารถไฟกันที่นี่
ออกจากสถานีเลี้ยวขวาก็จะเจอศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยว สามารถขอแผนที่และข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆได้ที่นี่ และก่อนที่เราจะมุ่งหน้าไปทะเลสาบ เราตัดสินใจแวะไปชมปราสาททาคะชิมะก่อน โดยใช้เวลาเดินจากสถานีเพียงประมาณ 10 นาที
ปราสาททาคะชิมะ
ถึงแม้ว่าปราสาททาคะชิมะ (Takashima Castle) จะไม่เป็นที่รู้จักสู้ปราสาทมัตสึโมโต้หรือปราสาทอื่นๆในญี่ปุ่น ซึ่งมีนักท่องเที่ยวมาเยือนเป็นหมื่นๆหรือแสนๆต่อปีได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าปราสาทแห่งนี้จะไม่สวยหรือไม่น่าสนใจแต่อย่างใด และแม้ว่าจะมีขนาดเล็กกว่า แต่ปราสาทแห่งนี้กลับเป็นปราสาทที่มีความสูงที่สุดในญี่ปุ่น เป็นที่รู้จักกันในชื่อ “ปราสาทลอยน้ำแห่งสุวะ” (Floating Castle of Suwa) แต่เดิมเมื่อปี 1592 ปราสาทแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเป็นครั้งแรกบนพื้นดินที่ยื่นเข้าไปในทะเลสาบสุวะ โดยมีทะเลสาบทำหน้าที่เป็นคูคลองป้องกันปราสาทโดยธรรมชาติ ไม่จำเป็นต้องสร้างเชิงเทินล้อมรอบปราสาทหมดทั้ง 4 ด้าน ปัจจุบันสภาพในอดีตเปลี่ยนแปลงไปด้วยการทับถมของตะกอนในทะเลสาบ แต่สวนและซากุระในฤดูใบไม้ผลิก็ยังคงควรค่าแก่การไปเยือนไม่เปลี่ยนแปลง
เวลาเปิดให้เข้าชม: 9:00 น. -16:30 น. (ระหว่างเม.ย. – ก.ย. เปิดจนถึง 17:30 น.)
วันหยุด: 26 – 31 ธ.ค. และวันพฤหัสบดีที่ 2 ของเดือนก.ย.)
ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 300 เยน / เด็ก 150 เยน
ทะเลสาบสุวะและน้ำพุร้อนไกเซอร์
จากปราสาททาคะชิมะใช้เวลาเดินเพียง 10 นาทีก็ถึงทะเลสาบสุวะ อย่างที่ได้เกริ่นไว้ตอนแรก ทะเลสาบแห่งนี้กล่าวกันว่าเป็นสถานที่แรงบัลดาลใจในการสร้างฉากบ้านเกิดของตัวเอกฝ่ายหญิง ในอนิเมชั่นเรื่อง “Your Name” (Kimi no Na wa) ทะเลสาบและเมืองที่ล้อมรอบไปด้วยภูเขารอบด้าน รับรองว่าเป็นวิวทุกคนจะต้องประทับใจแน่นอน
หากเดินจากปราสาทเลียบริมทะเลสาบ ระหว่างทางจะพบกับ Lake Suwa Geyser Center มีร้านขายของที่ระลึกและบ่อออนเซ็นสำหรับแช่เท้าด้วย อย่างไรก็ตามไฮไลต์ของที่นี่คือน้ำพุร้อนทางด้านหลังของอาคาร ซึ่งจะปล่อยน้ำพุความสูงเท่ากับตัวตึกออกมาตามเวลาที่กำหนดไว้ ถ้ามีเวลาก็แวะมาดูได้นะคะ
น้ำพุที่พุ่งออกมาร้อนมาก ระวังอย่าเข้าไปใกล้มากเกินไป หากเดินมาสักพักและรู้สึกเหนื่อย จะซื้อไอศกรีมมานั่งกินระหว่างแช่เท้าชมวิวทะเลสาบสุวะก็เป็นไอเดียที่ไม่เลวเลย
เวลาแสดงโชว์น้ำพุร้อน: 09:30, 11:00, 12:30, 14:00, 15:30 และ 17:00 น.*
(*รอบเวลา 17:00 น. มีเฉพาะช่วงเดือนเม.ย. – ก.ย.)
ล่องเรือชมทะเลสาบสุวะ
สัญลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของทะเลสาบสุวะคือเรือหงส์และเรือเต่า ซึ่งเราเห็นมาแต่ไกลตั้งแต่เดินมาจากศูนย์น้ำพุร้อน เรือทั้ง 2 ลำนี้จะแล่นพาเราล่องไปรอบๆทะเลสาบสุวะ
วันที่เราไปตรงกับวันเสาร์แถมท้องฟ้าก็แจ่มใสปลอดโปร่งเป็นที่พิเศษ จึงมีนักท่องเที่ยวซึ่งเกือบทั้งหมดเป็นคนญี่ปุ่นมาขึ้นเรือเป็นจำนวนไม่น้อยเลย
ร้านค้าเล็กๆขายอาหารและเครื่องดื่มมีตั้งแต่ซอฟต์ครีมไปจนถึงโอยากิ (คล้ายๆซาลาเปายัดไส้) ที่ร้านนี้เราแนะนำให้ต้องลองขนมดังโงะรูปแตงโม (Suika Dango) ซึ่งจริงๆก็คือดังโงะทำจากแป้งข้าวเหนียวเรียงกัน 3 ลูก เคลือบด้วยช็อกโกแลต และทำหน้าตาและรสชาติให้เหมือนแตงโม ยิ่งไปกว่านั้น นอกจากหน้าตาภายนอกจะเหมือนกับแตงโมแล้ว เมื่อกัดเข้าไปจะเจอกับแป้งข้าวเหนียวสีแดงและมีงาดำอยู่ข้างใน เหมือนกับเป็นเมล็ดแตงโมของจริง! อร่อยทั้งรสชาติและหน้าตา อย่าลืมซื้อขึ้นไปกินบนเรือก่อนเรือออกล่ะ!
วันที่เราไปนั้นได้ขึ้นเรือเต่าริวกุมารุ (Ryugumaru) จากที่เห็นภายนอกก็พอจะรู้ว่าเต่าตัวนี้อายุไม่น้อยแล้ว ทราบมาว่าเรือเต่าลำนี้จะเกษียณอายุในปีหน้าหลังจากที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาตั้งแต่ปี 1976 และจะมีเรือลำใหม่ไฉไลกว่าเดิมมาแทนที่ในปีหน้า
ขณะที่เรานั่งเรือชมวิวก็เห็นคนที่มาเล่นเจ็ทสกีขี่ตามหลังเรือเรา โดยใช้คลื่นจากเรือที่เรานั่งอยู่กระโดดแสดงผาดโผน ภายในเรือจะเลือกนั่งชั้นบนหรือล่างก็ได้
วันนี้ท้องฟ้าปลอดโปร่งมากๆ และเราก็โชคดีเป็นที่สุดที่ได้เห็นภูเขาไฟฟูจิด้วย เพราะถึงแม้ว่าจะดูเป็นวันที่อากาศดี แต่บางทีเมฆก็เคลื่อนมาบังยอดเอาเสียได้ จากที่ได้ฟังมา ถ้าไปตอนเช้าจะมีโอกาสเห็นภูเขาไฟฟูจิได้มากกว่า
เวลาเรือออก: 09:30, 10:00, 10:30, 11:30, 12:30, 13:30, 14:30, 15:30 และ 16:00 น.*
(*รอบเวลา 16:00 น. จะให้บริการเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์)
ค่าโดยสาร: ผู้ใหญ่ 920 เยน / เด็ก 160 เยน
TIP! คนที่พักที่เรียวกังซุฮะกุ (Suhaku) จะได้ส่วนลดค่าโดยสารเรือด้วย อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรียวกังซุฮะกุได้ที่ด้านล่างของบทความ
มื้อเที่ยงแนะนำ "ข้าวหน้าปลาไหล"
เช่นเดียวกับที่อื่นๆในจังหวัดนากาโนะ สุวะเองก็มีชื่อเสียงเรื่องโซบะเช่นกัน แต่จะกินแต่โซบะทุกวันก็จะเบื่อเอา วันนี้เราจึงเลือกทานข้าวหน้าปลาไหล (อุนางิ) ซึ่งเป็นอาหารที่มีชื่อเสียงอีกอย่างในแถบโอะคายะและสุวะ ทะเลสาบสุวะในอดีตเคยมีปลาไหลน้ำจืดเป็นจำนวนมาก ถึงแม้ว่าปัจจุบันจะแทบไม่หลงเหลือแล้ว แต่ฝีมือและความชำนาญในการย่างปลาไหล การทำซอสและซุปก็ยังคงส่งต่อมาจากรุ่นสู่รุ่น ความนุ่มของเนื้อปลาที่ดูดซับรสชาติซอสรสหวานเข้าไป เมื่อกินกับข้าวก็ยิ่งอร่อยจนอยากสั่งเพิ่ม
เดินทัวร์ชิมสาเกตามโรงบ่ม 5 แห่ง (Suwa Gokura)
หลังจากท้องอิ่มกับข้าวหน้าปลาไหลอร่อยๆแล้ว ก็ได้เวลาเดินย่อยอาหาร โดยเราจะกลับไปตั้งหลักที่สถานีคามิสุวะ แล้วเดินเลยไปอีกเล็กน้อย ซึ่งไม่เพียงแต่จะเดินเฉยๆ ระหว่างนี้เราก็จะแวะชิมสาเกชื่อดังของสุวะทั้ง 5 แห่งไปด้วย เรียกรวมๆว่า “สุวะโกะคุระ” (Suwa Gokura) ได้แก่ ไมฮิเมะ (Maihime) เรจิน (Reijin) ฮงคิน (Honkin) โยะโกะบุเอะ (Yokobue) และ มาสุมิ (Masumi) ซึ่งทั้งหมดจะตั้งอยู่ใกล้ๆกัน จากโรงบ่มแห่งแรกไปจนถึงแห่งสุดท้ายใช้เวลาเดินเพียง 5 นาที ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลเรื่องการเดินทางเลย
ถึงแม้เราจะไม่สามารถเข้าไปถึงด้านในที่เขาผลิตสาเกกันจริงๆ แต่ทางร้านก็มีเตรียมสาเกไว้หลากหลายชนิดให้เราได้ลองชิม ซึ่งแน่นอนว่าพนักงานไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ แต่ก็ยังพยายามใช้แผ่นพับอธิบายรสชาติของสาเกแต่ละชนิดให้เราเข้าใจอย่างเต็มความสามารถ
นอกจากที่มาสุมิแล้ว โรงบ่มแห่งอื่นๆจะมีสาเกถ้วยเล็กๆให้เราชิมฟรี แต่สำหรับคนที่ชื่นชอบสาเกเป็นพิเศษ แนะนำให้ซื้อเป็นเซ็ตชิมสาเกทั้ง 5 แห่งของสุวะ ราคา 2,000 เยน ซึ่งมาพร้อมกับจอกสาเกขนาดเล็ก ถุงและแสตมป์การ์ด สาเกบางชนิดมีให้ชิมได้เฉพาะคนที่ซื้อเซ็ตชิมสาเกทั้ง 5 แห่งของสุวะด้วย ส่วนแสตมป์การ์ดนี้เราสามารถเอาไปรับตราประทับที่โรงบ่มสาเกแต่ละแห่ง หากได้แสตมป์ครบก็เอาไปหย่อนไปรษณีย์ลุ้นรับรางวัลพิเศษได้ด้วย ป.ล. แสตมป์การ์ดนี้ไม่มีวันหมดอายุ ปีนี้เก็บไม่ครบ ปีหน้าจะมาเก็บแสตมป์ที่เหลืออีกก็ได้
With the Tasting Set you get to try at least five different sakes at each of the breweries. Even though the glass is smaller than, say, a wine glass, Japanese sake can pack quite a punch, so you will most certainly feel something after drinking 25 different sakes. Be sure to drink plenty of water in between. Also, they sell small snacks at most of the breweries so you can buy a bag of caramelized cashew nuts for example, if you feel like snacking on something while you drink.
พนักงานที่ร้านจะช่วยแนะนำว่าต้องชิมสาเกแบบไหนก่อนเพื่อไม่ให้รสชาติตีกัน โดยจะเริ่มจากสาเกที่มีรสชาติแบบ dry เล็กน้อย ก่อนจะไปต่อที่ชนิดที่ dry มากๆ และเปลี่ยนไปชิมสาเกที่มีรสชาติหวานและหนักขึ้น รูปข้างบนเป็นบรรยากาศการชิมสาเกที่โรงบ่มไมฮิเมะ
ระหว่างที่ชิมสาเกแต่ละชนิด พนักงานจะเตรียมน้ำเปล่าให้เราดื่มเพื่อล้างปากและไม่ให้แอลกอฮอล์ทำเราเมาไปเสียก่อน หากเราชอบดื่มรสชาติแบบไหนเป็นพิเศษ ก็สามารถบอกพนักงานได้เลย
หลังจากที่ไปชิมสาเกมาทั้ง 4 แห่งแล้ว ก็มาจบทริปที่โรงบ่มสุดท้ายคือ มาสุมิ (Masumi) ซึ่งเป็นโรงบ่มที่มีชื่อเสียงที่สุดในทั้ง 5 แห่งที่กล่าวมา และได้รับรางวัลทั้งจากในและต่างประเทศมาแล้วมากมาย
ที่โรงบ่มแห่งนี้มีความพิเศษตรงที่มีพนักงานเป็นชาวต่างชาติด้วย ทำให้สามารถสื่อสารกันเข้าใจมากขึ้น และเนื่องจากที่นี่มีลูกค้าและนักท่องเที่ยวมากันค่อนข้างเยอะ จึงมักจะแบ่งนักท่องเที่ยวออกเป็นกลุ่มๆเพื่อชิมสาเก
โรงบ่มทั้ง 5 แห่งปิดให้บริการเวลา 17:00 น. ถ้าใครเป็นคอสาเก อยากจะเวียนชิมให้ครบทั้ง 5 แห่งก็อย่าลืมดูเวลากันด้วยนะคะ นอกจากโรงบ่มสาเกแล้ว ในสุวะยังมีอะไรให้ชมอีกมากมาย ทั้งศาลเจ้าสุวะ (Suwa Grand Shrine) พิพิธภัณฑ์แก้ว (Suwa Glass Village) และอื่นๆกระจัดกระจายอยู่รอบๆทะเลสาบสุวะ ซึ่งเราจะได้แนะนำกันต่อไปในโอกาสหน้า
สำหรับใครกำลังหาที่พักในสุวะหรือดื่มมากไปจนกลับไม่ไหว แนะนำที่พักที่เรียวกังซุฮะกุ (Suhaku) นอกจากจะตั้งอยู่ข้างหน้าทะเลสาบแล้ว บนดาดฟ้ายังมีออนเซ็นกลางแจ้งมองเห็นวิวทะเลสาบถึง 2 บ่อ คือออนเซ็นสีส้มอิฐและสีขาวใส อันเป็นที่มาของชื่อเรียงกัง “ซุ” (สีแดง) และ “ฮะกุ” (สีขาว)