บล็อกพาเที่ยว
คู่มือเที่ยวบึงฮัปโป (Happo Pond) : เส้นทางเดินเขาพร้อมวิวอลังการของเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่น
ท่ามกลางหุบเขาแอลป์ตอนเหนือในหมู่บ้านฮาคุบะ มีทะเลสาบอัลไพล์เล็กๆซ่อนตัวอยู่ ชื่อ "บึงฮัปโป" (Happo Pond) ที่เรียกว่าบึงก็เพราะแปลมาจากชื่อเรียกในภาษาญี่ปุ่นว่า "Happo-ike" ในวันที่ไม่มีลม ยอดเขาแอลป์รอบๆจะสะท้อนลงบนผิวน้ำได้อย่างชัดเจนราวกับกระจก ด้วยความสวยงามที่น่าตื่นตาตื่นใจ ประกอบกับการเดินทางที่สะดวกและย่นระยะเวลาด้วยกอนโดล่าและสกีลิฟต์ รวมถึงระยะทางเดินเขาที่ไม่ไกลมาก จึงทำให้ที่นี่เป็นจุดหมายยอดนิยมสำหรับนักเดินป่า ผู้รักธรรมชาติ และช่างภาพที่ต้องการสัมผัสเสน่ห์แห่งขุนเขาอย่างแท้จริง
เหตุผลที่ควรไปบึง Happo
บึงฮัปโปตั้งอยู่บนความสูงราว 2,060 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล และเป็นหนึ่งใน “บึงกระจก” ที่มีชื่อเสียงที่สุดของญี่ปุ่น ในวันที่อากาศสงบ ผิวน้ำใสสะท้อนเงายอดเขาที่ยิ่งใหญ่ 3 แห่งขอฮาคุบะ (Hakuba Sanzan) ได้แก่ ยอดเขาชิราอุมะ (Shirauma) ยอดเขายาริ (Yari) และยอดเขาชะคุชิ (Shakushi) กลายเป็นทิวทัศน์ที่น่าหลงใหลและยากจะลืมเลือน ด้วยทิวทัศน์อันโดดเด่นและการเดินเขาไม่ยากลำบากไปนัก ทำให้ที่นี่เป็นจุดหมายเดินเขายอดนิยมที่สุดแห่งหนึ่งในเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่น
ช่วงที่ควรไปเที่ยวบึง Happo
บึงฮัปโปสามารถเดินไปได้ตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนายนถึงกลางเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นช่วงที่กอนโดล่าและสกีลิฟต์ (Happo Alpen Line) เปิดให้บริการ เนื่องจากเส้นทางเดินขึ้นเขาจะเริ่มจากสถานีสกีลิฟต์ที่อยู่บนสุด ช่วงที่ไม่มีกอนโดล่าและสกีลิฟต์ให้บริการ จะไม่สามารถเดินขึ้นเขาไปบึงฮัปโปได้ นอกจากจะเป็นนักปีนเขาอัลไพน์ที่มีประสบการณ์หรือเป็นมืออาชีพเท่านั้น
ไฮไลท์ของบึงฮัปโปในแต่ละฤดูกาล :
ปลายเดือนมิ.ย. - กลางก.ค. | ช่วงต้นฤดูร้อน เหมาะสำหรับชมดอกไม้อัลไพน์บนภูเขา เช่น โคะมะคุสะ (komakusa) และอิวะซึซึจิ (iwatsutsuji) เส้นทางเดินป่าเริ่มเปิดเมื่อหิมะละลาย บรรยากาศเงียบสงบ สดชื่น และในวันที่ฟ้าใสยังสามารถมองเห็นเทือกเขาแอลป์เหนือที่ยังปกคลุมด้วยหิมะตัดกับเนินเขาสีเขียวอย่างงดงาม |
ปลายเดือนก.ค. - ส.ค. | ช่วงนี้เป็นไฮซีซั่นสำหรับนักปีนเขา สภาพอากาศไม่ค่อยแปรปรวน ท้องฟ้าแจ่มใส และบึงสะท้อนเงาของขุนเขาฮาคุบะได้อย่างชัดเจน |
เดือนก.ย. | อากาศเริ่มเย็นลงกว่าช่วงกลางฤดูร้อนเล็กน้อย เหมาะกับการเดินป่าอย่างยิ่ง ต้นไม้บนสันเขาเริ่มแต้มสีสันของฤดูใบไม้ร่วงให้เห็นบ้าง |
ปลายเดือนก.ย. - ต.ค. | ช่วงไฮไลท์ของใบไม้เปลี่ยนสี ภูเขาและเส้นทางเดินป่าถูกแต่งแต้มด้วยสีแดง ส้ม และทอง โดยเฉพาะต้นตุลาคมที่สวยที่สุด กอนโดล่าและสกีลิฟต์มักจะปิดทำการตั้งแต่ราวสัปดาห์ที่สามของเดือนตุลาคม |
ปลายต.ค. - เม.ย. | เมื่อหิมะเริ่มตก เส้นทางเดินป่าปิดไม่สามารถขึ้นได้ และจะกลายเป็นสกีรีสอร์ทตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคมเป็นต้นไปจนถึงเดือนเมษายน ก่อนลิฟต์จะปิดช่วงสั้นๆและเปิดให้บริการอีกครั้งต้นเดือนมิถุนายน |
ช่วงกอนโดล่า/สกีลิฟต์เปิดให้บริการ
- ช่วงฤดูกาลปีนเขา: 31 พ.ค., 1 มิ.ย., 7 มิ.ย. – 3 พ.ย.
- ช่วงฤดูกาลเล่นสกี: กลางเดือนธ.ค. - ต้นพ.ค.
ช่วงเวลาให้บริการอาจแตกต่างกันไปในแต่ละปีขึ้นอยู่กับสภาพหิมะ กรุณาเช็คข้อมูลล่าสุดได้ที่เว็บไซต์ทางการของ Happo-One
เส้นทางเดินขึ้นเขาไปบึง Happo
ข้อมูลทั่วไป
- ระยะทาง: ไปกลับประมาณ 3.3 กม.
- ความสูงที่ต้องเดิน: ประมาณ 230 เมตร
- เวลาเดิน: ขึ้นเขาประมาณ 1.5–2 ชั่วโมง และลงเขาประมาณ 1 ชั่วโมง
เริ่มจากการนั่งกอนโดล่า Adam Gondola และต่อด้วยสกีลิฟต์อีก 2 ครั้ง (Alpen Quad และ Grat Quad) ใช้เวลาประมาณ 20–25 นาที ก็สามารถขึ้นมาถึงระดับความสูงราว 1,830 เมตรได้อย่างง่ายดาย เส้นทางเดินขึ้นเขาจะเริ่มต้นที่ Happo Ike Sanso Lodge ซึ่งตั้งอยู่บนสุดของกอนโดล่า/สกีลิฟต์ Happo Alpen Line
จากสถานีลิฟต์บนสุด นักเดินป่าจะได้สัมผัสเส้นทางสันเขาที่ทอดยาวประมาณ 1.5 กิโลเมตร พร้อมความสูงที่ค่อย ๆ เพิ่มขึ้นเพียงราว 230 เมตร จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับนักเดินป่าทั่วไปและครอบครัวที่อยากสัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิด
เสน่ห์ของเส้นทางนี้คือความเป็นกันเอง ทุกเพศทุกวัยสามารถเพลิดเพลินได้ บางครั้งก็จะเห็นเด็กตัวเล็กๆวิ่งนำผู้ใหญ่ไปอย่างสนุกสนาน ขณะเดียวกันยังมีคุณลุงคุณป้าวัย 60–70 ปีที่เดินอย่างขึ้นเขาอย่างกระฉับกระเฉง ทำให้บรรยากาศตลอดเส้นทางเต็มไปด้วยชีวิตชีวาและไม่เงียบเหงา อย่างไรก็ตามคนที่ไม่คุ้นเคยกับการออกกำลังกายอาจจะรู้สึกเหนื่อยทรมาณได้บ้าง โดยเฉพาะครึ่งหลังของการปีนขึ้นเขา
สิ่งที่ควรรู้ก่อนเดินป่าขึ้นบึง Happo
- ตอนซื้อตั๋วกอนโดล่าและสกีลิฟต์ จะได้รับแผนที่เดินเทรกกิ้ง แต่ความจริงแล้วเส้นทางเดินไม่ซับซ้อน สามารถเดินตามคนส่วนใหญ่ก็ได้ (ดูแผนที่เดินเทรก)
- ตรวจสอบเวลาให้บริการของกอนโดล่าและลิฟต์ ให้ดี เพราะแต่ละฤดูกาลจะเปิด-ปิดไม่เหมือนกัน
- ตรวจสอบสภาพอากาศก่อนออกเดินทาง เส้นทางเดินอยู่เปิดโล่งทั้งหมด ไม่มีที่หลบฝนหรือลม
- แม้ในช่วงฤดูร้อน อุณหภูมิบนที่สูงบริเวณนี้ก็อาจลดลงเหลือหลักตัวเลขเดียว (°C) ควรเตรียมเสื้อกันลมและเสื้อกันหนาวบางๆมาด้วย (ถึงแม้จะไม่หลักเดียวแต่ถ้าลมพัดก็จะรู้สึกหนาวเป็นเท่าตัว)
- มีห้องน้ำมีเพียง 2 จุด: ที่ Happo Ike Sanso Lodge และระหว่างทางเดินอีก 1 จุด
- ไม่ถือกระเป๋าถือหรือใส่รองเท้าส้นสูง – อย่าหลงเชื่อภาพจากอินฟลูเอนเซอร์ที่ใส่ชุดเดรสถ่ายรูป ควรแต่งกายให้พร้อมสำหรับการเดินป่าบนภูเขาจริงๆ
- มีตู้ล็อกเกอร์หยอดเหรียญให้บริการที่จุดขายตั๋วกอนโดลา/ลิฟต์ ท่ารถบัส Happo และสถานี JR Hakuba
ระหว่างทางเดินขึ้นเขาไปบึง Happo
อย่างที่เกริ่นไว้ เส้นทางเดินขึ้นเขาเริ่มต้นจาก Happo-ike Sanso Lodge ซึ่งตั้งอยู่ตรงหน้าสถานีลิฟต์สกีที่อยู่บนสุด ช่วงที่เริ่มออกเดินจะมีทางแยกฝั่งซ้ายและขวา แนะนำให้เดินไปทางซ้ายเพราะจะมีทางเดินไม้มากกว่าหินทำให้เดินง่ายกว่าหน่อย
(ซ้าย) Happo-ike Sanso Lodge
(ขวา) ร้านของฝากนักปีนเขาและซอฟต์ครีม
แต่ไม่ว่าทางไหนก็จะบรรจบกันภายหลัง และตลอดทางเดินก็จะมีทั้งช่วงที่เป็นหินและทางเดินทำด้วยไม้สลับกันไป
ตลอดเส้นทางเดินจะได้พบกับจุดชมวิวที่น่าจดจำมากมาย ไม่ว่าจะเป็นกองหินที่เรียงซ้อนกัน (cairns) ซึ่งใช้เป็นสัญลักษณ์นำทาง ดอกไม้ป่าอัลไพน์ที่บานสะพรั่งในฤดูร้อน รวมถึงจุดชมวิวหลายแห่งที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์กว้างไกลของภูเขารอบด้าน
เมื่อเดินเข้าใกล้บึงฮัปโปข้ามสันเขาที่ทับซ้อนกัน จะเผยให้เห็นความงดงามตระการตาของเทือกเขาแอลป์เหนือที่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า — ภาพวิวที่ทำให้การเดินทางคุ้มค่าทุกก้าวย่าง
กองหินหน้าตาตลกๆ
ระหว่างปลายเดือนมิถุนายนถึงกลางกรกฎาคม ตามทางเดินยังอาจพบหิมะที่หลงเหลืออยู่เป็นหย่อมๆ เป็นเสน่ห์เฉพาะของการเดินป่าในช่วงต้นฤดูร้อน
บริเวณที่เราอยู่ตรงนี้เรียกว่า Happo-One (อ่านว่า ฮัปโป-โอเนะ) เป็นสันเขาบนเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่นตอนเหนือที่ทอดออกไป 8 ทิศทาง ซึ่งเป็นที่มาของชื่อที่แปลว่า "สันเขา 8 ทิศ" (Happo = 8 ทิศ, One = สันเขา)
จากเส้นทางเดินเขานี้ สามารถมองเห็น “ภูเขา 100 ยอดที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น” ได้ถึง 11 ยอดเลยทีเดียว และหากเป็นวันที่ท้องฟ้าแจ่มใสเป็นพิเศษ ยังอาจมองเห็นภูเขาฟูจิได้จากจุดกองหินหมายเลข 1 อีกด้วย
เมื่อเดินสูงขึ้นไป ให้ลองก้มมองพื้นด้วย คุณจะพบดอกไม้อัลไพน์กระจุ๋มกระจิ๋มที่ซ่อนตัวอยู่ระหว่างก้อนหิน ทำให้อาจจะทำให้มองข้ามไปได้ง่ายๆ ซึ่งความจริงก็น่ารักและมีเสน่ห์ไม่แพ้ทิวทัศน์รอบตัวเลย
หลังจากเดินลงเนินเล็กน้อย ก็จะมาถึงบึงฮัปโปที่เงียบสงบและงดงาม — จุดหมายปลายทางที่ทำให้การเดินป่าตลอดเส้นทางคุ้มค่าในทันที
แม้จะมาถึงบึงฮัปโปแล้วเจอหมอกหรือเมฆปกคลุม ก็อย่าเพิ่งรีบผิดหวัง ลองรอสักครู่ เมฆอาจเคลื่อนตัวออก เปิดให้เห็นท้องฟ้าและยอดเขาที่งดงามขึ้นมาได้ทันตาเห็น จริงๆแล้ว 2 ภาพด้านล่างถ่ายห่างกันเพียง 5 นาทีเท่านั้น!
และถึงแม้วันนั้นท้องฟ้าและเมฆจะไม่เป็นใจเข้าจริงๆ ทำให้ไม่เห็นเงาสะท้อนของภูเขาบนผิวน้ำ แต่สายหมอกและเมฆที่ลอยเหนือสันเขาก็สร้างบรรยากาศที่ชวนให้รู้สึกเหมือนอยู่ในโลกแห่งความฝัน ได้บรรยากาศสวยพิศวงไปอีกแบบ
หากตั้งใจจะหยุดพักรอบๆบึงฮัปโป อย่าลืมเตรียมตัวสำหรับลมแรงที่อาจพัดมาได้ทุกเมื่อ แม้ในวันที่อากาศดูสงบก็ตาม เสื้อกันลมเป็นสิ่งจำเป็นที่ควรมีติดตัวเสมอ
ใกล้ๆบึงฮัปโปจะมีศาลาเจ้าทำด้วยหินขนาดเล็กตั้งอยู่ สิ่งนี้สะท้อนถึงความเชื่อดั้งเดิมแบบชินโตที่ฝังรากอยู่ในวิถีการใช้ชีวิตของชาวญี่ปุ่น คนญี่ปุ่นจำนวนมากเชื่อว่า “คามิ” หรือเทพเจ้ากับวิญญาณสถิตอยู่ในธรรมชาติทุกหนแห่ง ไม่ว่าจะเป็นภูเขา ป่า แม่น้ำ หรือทะเล
ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะพบศาลเจ้าเล็กๆแบบนี้ตามยอดเขาหรือสถานที่ทิวทัศน์สวยงาม ศาลหินเหล่านี้เป็นเครื่องเตือนใจอันเรียบง่ายถึงสายสัมพันธ์อันลึกซึ้งระหว่างธรรมชาติกับวัฒนธรรมญี่ปุ่น
แนะนำ!
สามารถเตรียมข้าวกล่อง (เบนโตะ) มารับประทานริมบึงฮัปโป การได้นั่งบนก้อนหินหรือม้านั่ง ท่ามกลางบรรยากาศเทือกเขาอัลไพน์ และเพลิดเพลินกับอาหารพร้อมชมวิวภูเขา ถือเป็นหนึ่งในไฮไลท์ของการเดินทางครั้งนี้
การเดินทางไปบึง Happo
การเดินทางไปบึงฮัปโปเริ่มจากการไปให้ถึงหมู่บ้านฮาคุบะก่อน เนื่องจากยังไม่มีรถบัสหรือรถไฟที่ไปถึงสถานีกอนโดล่า (Happo Gondola) โดยตรง เราจะต้องเดินทางไป Hakuba Happo Bus Terminal หรือ สถานี JR Hakuba ก่อน ซึ่งเราสามารถต่อรถแท็กซี่หรือเดินไปสถานีกอนโดล่าได้ไม่ไกล โดยเราจะแบ่งการเดินทางเป็น 2 ส่วน ได้แก่
- การเดินทางมายังฮาุบะจากเมืองใหญ่
- การเดินทางต่อไปยังสถานีกอนโดล่า Happo
การเดินทางมายังฮาุบะจากเมืองใหญ่
ไม่ว่าจะเลือกการเดินทางวิธีไหนก็ต้องมาลงที่ Hakuba Happo Bus Terminal หรือ สถานี JR Hakuba ก่อน
(ซ้าย) Happo Bus Terminal
(ขวา) สถานี JR Hakuba
จากนากาโนะ (Nagano → Hakuba)
นั่งรถบัสสาย Nagano – Hakuba จากสถานีนากาโนะ มาลงที่ Happo Bus Terminal หรือ Hakuba Station
จากมัตสึโมโตะ (Matsumoto → Hakuba)
- ตัวเลือกที่ 1: นั่งรถไฟสาย JR Oito Line จากสถานีมัตสึโมโตะ ไปลงที่สถานี JR Shinano-Omachi เพื่อต่อรถไฟ Minami-Otari และลงรถไฟที่สถานี JR Hakuba
- ตัวเลือกที่ 2: นั่งรถไฟด่วน Azusa Express ตรงไปยัง Hakuba Station (สะดวกกว่า แต่มีให้บริการเพียงบางวัน)
หมายเหตุ: มีรถบัสตรง Matsumoto–Hakuba แต่ให้บริการเฉพาะฤดูหนาวเท่านั้น
จากโตเกียว (Tokyo → Hakuba)
- ตัวเลือกที่ 1: นั่งรถบัสด่วน Shinjuku – Hakuba จาก Shinjuku Expressway Bus Terminal ถึง Happo Bus Terminal หรือ Hakuba Station (ประหยัดที่สุดและไม่ต้องเปลี่ยนหลายต่อ)
- ตัวเลือกที่ 2: นั่งรถไฟชินคันเซ็นไปลงสถานี Nagano แล้วต่อรถบัสสาย Nagano – Hakuba (เร็วที่สุด แต่ค่าใช้จ่ายสูงที่สุด)
- ตัวเลือก 3: นั่งรถไฟด่วน Azusa Express จากสถานี Shinjuku ถึง Hakuba Station (มีให้บริการเพียงบางวันเท่านั้น)
การเดินทางจากฮาคุบะไปยังสถานีกอนโดล่า
วิธีที่สะดวกและง่ายที่สุดคือ นั่งแท็กซี่ จาก Hakuba Happo Bus Terminal หรือ สถานี JR Hakuba โดยเฉพาะที่ Hakuba Station จะมีแท็กซี่รออยู่ด้านหน้าเสมอ เพียงแค่เดินออกมาก็ขึ้นได้ทันที เหมาะมากสำหรับผู้ที่เดินทางเป็นกลุ่ม ค่าโดยสารเที่ยวเดียวจากสถานีไปยังสถานีกอนโดล่าอยู่ที่ประมาณ 1,500 เยน ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีก็ถึง
หน้าสถานีมีรถชัตเติลบัสให้บริการเช่นกัน แต่รอบรถน้อยและอาจไม่ตรงกับเวลารถไฟมาถึง จึงไม่สะดวกเท่าแท็กซี่
นอกจากสถานีรถไฟแล้วยังสามารถขึ้นแท็กซี่จาก Happo Bus Terminal ได้เช่นกัน เพียงแต่โดยปกติจะไม่มีแท็กซี่จอดรออยู่ที่นี่ ข้างในมีโทรศัพท์สำหรับเรียกแท็กซี่ (free-dial) ไว้บริการ เพียงยกหูโทรศัพท์แล้วแจ้งข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ ได้แก่ ชื่อ จำนวนผู้โดยสาร หมายเลขคิว(อยู่ข้างๆตู้โทรศัพท์) และจุดหมายปลายทาง
แม้บึงฮัปโปจะไม่ใหญ่โตมากมาย แต่วิวทิวทัศน์ที่ได้พบระหว่างเดินและสิ่งที่รออยู่กลับน่าจดจำกว่าที่คิด ทั้งวิวภูเขาที่เปลี่ยนไปตามฤดูกาล เส้นทางเดินที่ไม่ยากจนเกินไป และบรรยากาศอันเงียบสงบของเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่น ไม่ว่าคุณจะมาในหน้าร้อนหรือใบไม้ร่วง ที่นี่คือโอกาสดีในการสัมผัสธรรมชาติของญี่ปุ่นโดยไม่ต้องปีนเขาหนักๆ หากมีแผนมาเยือนนากาโนะ อย่าลืมใส่ บึงฮัปโปไว้ในตารางการเดินทางด้วยนะคะ
อ่านบทความเกี่ยวกับฮาคุบะเพิ่มเติม:
- Hakuba Iwatake Mountain Resort: ที่เที่ยวห้ามพลาดในนากาโนะ นอกจากคามิโคจิ
- 5 วันเที่ยวครบไฮไลท์นากาโนะ: ปราสาทมัตสึโมโต้ คามิโคจิ ฮาคุบะ โทกากุชิ และนากาเซ็นโด