shirakawago-3
shirakawago-3

เดินเล่นท่ามกลางหิมะขาวโพลนที่หมู่บ้านชิราคาว่าโกะ!

หมู่บ้านโบราณกับบ้านหลังคาทรงมือพนม

กลางหุบเขาในชนบทไม่ห่างไกลจากนากาโนะ ยังคงหลงเหลือหมู่บ้านโบราณที่คงกลิ่นอายแห่งประวัติศาสตร์อยู่ ซึ่งเชื่อว่าหลายคนคงเคยไปและได้ยินจนคุ้นชินแล้ว หมู่บ้านโบราณแห่งนี้ก็คือ หมู่บ้านชิราคาว่าโกะและโกะคายามะนั่นเอง ทั้งคู่ได้รับการรับเลือกให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมโดย UNESCO ถ้าใครจะมาเที่ยวแถวๆจังหวัดกิฟุ โทยามะหรือนากาโนะแล้ว ถือเป็นสถานที่ที่ควรจะเที่ยวเก็บไปในรอบเดียวเลย

 
shirakawago-3 
 

อ่านเพิ่มเติม: แผนเที่ยวมรดกโลก 4 วัน (ด้วยพาส Three-Star Route Ticket)

หมู่บ้านชิราคาว่าโกะและโกะคายามะ ประกอบด้วยหมู่บ้านโบราณย่อยๆ 3 แห่ง ได้แก่ โอกิมาจิ (Ogimachi) ไอโนะคุระ (Ainokura) และซึกานุมะ (Suganuma) ถึงแม้ว่าสถานะมรดกโลกจะเป็นการแชร์ร่วมกันระหว่างหมู่บ้านชิราคาว่าโกะและโกะคายามะ แต่ดูเหมือนว่าชิราคาว่าโกะจะได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวมากกว่า ด้วยขนาดที่ใหญ่กว่าและการเดินทางที่สะดวกสบายกว่า

เนื่องจากที่ตั้งที่อยู่ห่างไกล เป็นเวลากว่าช้านานแล้วที่หมู่บ้านโอกิมาจิและบริเวณใกล้เคียงในชิราคาว่าโกะได้ถูกตัดขาดออกจากโลกภายนอก แต่ชาวบ้านก็ดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยการเก็บผลมัลเบอร์รี่และเลี้ยงตัวไหมที่อยู่บนต้นมัลเบอรร์รี่ เพื่อที่จะได้นำไปทำเป็นผ้าไหมดิบขาย ด้วยความไกลปืนเที่ยงนี่เอง ทำให้สภาพบ้านโบราณที่นี่ยังคงหลงเหลือมาจนปัจจุบันได้

 
shirakawago-6
 
หลายคนอาจจะสงสัยว่า ก็แค่บ้านเก่าจะมีอะไรพิเศษกันเชียว? คำตอบก็คือนอกจากความเก่าแก่ของตัวบ้านแล้ว สถาปัตยกรรมอันเป็นเอกลักษณ์ก็ยังทำให้หมู่บ้านแห่งนี้มีชื่อเสียงชึ้นมา รูปแบบการสร้างบ้านแบบนี้เรียกว่า “กัชโชสุคุริ” เป็นการสร้างแบบโดยที่ไม่ใช้ตะปูหรือวัสดี่ทำจากเหล็กเลย แต่จะใช้วัสดุจากธรรมชาติที่หาได้ในแถบนั้น เช่น ฟางและไม้ เป็นต้น คำว่า “กัชโช” มีหมายถึง “การพนมมือ” ซึ่งมีที่มาจากรูปทรงหลังคานั่นเอง
 
shirakawago-4
 
เหตุผลที่จำเป็นต้องสร้างหลังคาที่ลาดเอียงขนาดนี้เป็นเพราะปริมาณหิมะที่ตกมากเป็นพิเศษในแถบนี้ ในฤดูหนาว หิมะที่นี่อาจจะถับถมสูงมากถึง 2 เมตรเลยทีเดียว ดังนั้นหลังคาจึงจำเป็นต้องมีความลาดเอียงพอที่จะไม่ให้หิมะทับถมสูงขึ้นไปเรื่อยๆจนกระทั่งรับน้ำหนักไม่ไหว

ภายในตัวบ้านเองก็น่าสนใจ ด้านใต้หลังคาจะมีที่ว่างไว้สำหรับเลี้ยงตัวไหม และที่พื้นด้านล่างก็จะเป็นที่สำหรับพักอาศัย และมักจะพบกับที่ไว้สำหรับก่อกองไฟ (irori) ซึ่งจะจุดไฟไว้ตลอดทั้งปี เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อราเกาะที่มุงหลังคา
 
shirakawago-2
เดินจากท่ารถบัสไปเพียงนิดเดียวก็จะเริ่มปรากฎบ้านทรงกัชโชแล้ว!

หมู่บ้านโอกิมาจิเป็นหมู่บ้านที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในทั้ง 3 แห่ง บ้านบางส่วนเปิดให้คนทั่วไปได้เข้าชมได้ด้วย และหลายหลังก็ยังดำรงชีพด้วยการทำนาและการท่องเที่ยว อย่างเช่น บ้านตระกูลวาดะที่เปิดให้คนเข้าชมได้บางส่วน เป็นบ้านหลังที่โตที่สุดในหมู่บ้านนี้และได้รับการดูแลรักษาเป็นอย่างดี ถือเป็นสมบัติที่มีความสำคัญทางวัฒนธรรมแห่งหนึ่ง สามารถเดินจากท่ารถบัสชิราคาว่าไปได้ ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที เปิดตั้งแต่ 9:00-17:00 น. ค่าเข้าชม 300 เยนสำหรับผู้ใหญ่ และ 150 เยนสำหรับเด็ก

นอกจากนี้ ยังมีการรวบรวมบ้านกัชโชหลายหลังเข้าด้วยกัน จัดทำขึ้นเป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง Gasshozukuri Minkaen Outdoor Museum ดูแล้วเหมือนกับหมู่บ้านย่อมๆประกอบด้วย ร้านค้า ศาลเจ้า ร้านอาหาร เป็นด้น เปิดให้เข้าชมตั้งแต่ 8:40-17:00 น. (มี.ค.-พ.ย.) และตั้งแต่ 9:00-16:00 น. (ธ.ค.-ก.พ.) เสียค่าเข้าชม 600 เยน สำหรับผู้ใหญ่ และ 400 เยนสำหรับเด็ก
*ระหว่างเดือนธ.ค.-ก.พ. พิพิธภัณฑ์จะปิดทุกวันพฤหัสบดี (หรือวันพุธ ถ้าวันพฤหัสบดีเป็นวันหยุดนักขัตฤกษ์)

 shirakawago-1
 
shirakawago-5
ตุ๊กตาหุ่นไล่กา(?) สีสันสดใสตัดกับสีบ้านและหิมะขาวโพลน

ระหว่างที่เดินเล่นไปในหมู่บ้าน สามารถซื้อขนม ของกินเล่น ของฝากไปตามทางได้เลย ถ้าหนาวก็แวะจิบสาเกอบอุ่นร่างกายได้ด้วย แต่ถ้าอยากจะสัมผัสกับบรรยากาศให้ถึงแก่น ก็สามารถนอนค้างคืนในบ้านกัชโชได้เช่นกัน สามารถดูลิสต์บ้านกัชโชชที่สามารถพักได้ที่นี่

ช่วงที่ควรไปเที่ยว

แน่นอนว่าช่วงเวลาที่นักท่องเที่ยวเยอะที่สุดก็คือช่วงหน้าหนาว อาจจะเป็นเพราะเทศกาล Light-up อันโด่งดังที่จัดขึ้นเฉพาะในช่วงหน้าหนาวเท่านั้น แต่ที่จริงอยากจะบอกว่าเที่ยวหน้าไหนก็สวย เพียงแต่สวยต่างกัน ช่วงฤดูใบไม้ผลิเราจะได้ชมดอกซากุระ ช่วงเข้าหน้าร้อนมองไปทางไหนก็เห็นใบไม้เขียวสดชื่น ส่วนฤดูใบไม้ร่วงก็จะได้ชมสีสันแดงเหลืองไปทั่วบริเวณ

 shirakawago-8
เทศกาลแสดงไฟ Shirakawa-go Winter Light-up ที่จัดขึ้นทุกปีในเดือนมกราคา-กุมภาพันธ์
 
shirakawago-7
ชิราคาว่าโกะช่วงหน้าร้อน
 
shirakawago-10
 
shirakawago-9
ชิราคาว่าโกะในช่วงใบไม้เปลี่ยนสี

วิธีการเดินทางไปชิราคาว่าโกะ

ชิราคาว่าโกะสามารถเดินทางได้โดยรถบัส แท๊กซี่ (แต่ไม่สามารถเดินทางถึงด้วยรถไฟ) จากสถานที่ต่างๆเดินทางอย่างไร อ่านต่อด้านล่างเลยค่ะ

จากทาคายามะไปชิราคาว่าโกะ

ทาคายามะเป็นจุดตั้งต้นที่อยู่ใกล้ชิราคาว่าโกะที่สุด และมีรอบบัสวิ่งค่อนข้างบ่อย แต่รถบัสบางสายจำเป็นต้องจองล่วงหน้า สำหรับรอบที่จองล่วงหน้าไม่ได้ แนะนำว่าให้ไปซื้อตั๋วและเข้าคิวรอขึ้นรอก่อนสัก 20 นาที
ดูตารางรถบัสทาคายามะ – ชิราคาว่าโกะ >

จากมัตสึโมโต้ไปชิราคาว่าโกะ

สามารถนั่งบัสจากมัตสึโมโต้ไปลงทาคายามะ (ไม่สามารถจองล่วงหน้าได้) ก่อนค่อยต่อรถจากทาคายามะไปชิราคาว่าโกะได้
ดูตารางรถบัสมัตสึโมโต้ – ทาคายามะ >

จากโตเกียวไปชิราคาว่าโกะ

กรณีที่เดินทางจากโตเกียวจำเป็นต้องนั่งรถไฟ (หรือรถบัสก็ไม่ว่ากัน) มาลงที่โทะยามะหรือคานาซาวะก่อน แล้วค่อยต่อรถบัสไปลงชิราคาว่าโกะ
ดูตารางรถบัสคานาซาวะ – ชิราคาว่าโกะ >
ดูตารางรถบัสโทะยามะ – ชิราคาว่าโกะ >

 

พาสรถบัสแนะนำ

พาส 4-Day Alps WIDE Free Passport

พาสรถบัสใช้งานได้ 4 วัน ครอบคลุมจังหวัดนากาโนะและกิฟุ สถานที่ท่องเที่ยวแนะนำ ได้แก่ ปราสาทมัตสึโมโต้ อุทยานแห่งชาติคามิโคจิ ภูเขาโนริคุระ เมืองเก่าทาคายามะ หมู่บ้านชิราคาว่าโกะ ชินโฮทากาโรปเวย์ ฮิรายุออนเซ็น โอะคุฮิดะออนเซ็น ชิราโฮเนะออนเซ็น เป็นต้น

ระยะเวลาใช้งาน: 4 วันติดต่อกัน ขึ้นลงบัสกี่ครั้งก็ได้
ราคา: 13,000 เยน รวมตั๋วขึ้น-ลงโรปเวย์ (ราคาช่วงเดือนเม.ย.-พ.ย.)
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม >

พาส Three-Star Route Ticket

หากใครที่ต้องการปักหมุดเที่ยวสถานที่ติดดาวมิชลิน 3 ดวงแล้วละก็ต้องพาสนี้เลย พาสเดินทางขาเดียวเริ่มต้นจากมัตสึโมโต้ คานาซาสะหรือโทะยามะ ผ่านทาคายามะและหมู่บ้านชิราคาว่าโกะ ที่บอกว่าติดดาวมิชลินนี่ไม่ได้หมายถึงอาหารนะ แต่หมายถึงว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจจนมิชลินติดดาวแนะนำให้ไป

ระยะเวลาใช้งาน: 4 วันติดต่อกัน (เดินทางขาเดียว)
ราคา: ผู้ใหญ่ 6,000 เยน / เด็ก 3,000 เยน
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม >

 
MENU