บล็อกพาเที่ยว

เมืองแห่งปราสาทอีกาดำ: รวมสถานที่ สิ่งน่าสนใจและอาหารที่ต้องลองเมื่อไปเที่ยวมัตสึโมโต้ (Matsumoto) – อัพเดตปี 2023

เขียนโดย ALPICO GROUP - 26 ต.ค. 2024, 9:55:51

เมืองมัตสึโมโต้ (Mastumoto) หรือที่หลายคนรู้จักในชื่อเมืองแห่งปราสาทอีกาดำ ไม่ได้มีที่เที่ยวแค่ปราสาทเท่านั้น แต่ยังมีสถานที่เที่ยวน่าสนใจและกิจกรรมสนุกๆให้ทำอีกหลายอย่าง ไปดูกันเลยว่ามีอะไรบ้าง!

เที่ยวปราสาทอีกาดำ แลนด์มาร์กของเมือง

ปราสาทมัตสึโมโต้เป็นจุดท่องเที่ยวห้ามพลาดเมื่อมาเยือนมัตสึโมโต้ ปราสาทอายุกว่า 400 ปีนี้ได้ขึ้นทะเบียนเป็นหนึ่งในสมบัติแห่งชาติของญี่ปุ่น เมื่อมองดูภายนอกจะเห็นว่ามีเพียง 5 ชั้น แต่ถ้าได้เข้าไปในปราสาทจะพบว่ามีชั้นลับซ่อนไว้สำหรับหลอกศัตรู ทำให้ปราสาทแห่งนี้แท้จริงแล้วมีความสูงทั้งหมด 6 ชั้นด้วยกัน

แม้ว่าปราสาทแห่งนี้จะสร้างขึ้นเพื่อป้องกันศัตรูรุกราน แต่ก็ไม่เคยได้ทำหน้าที่นี้เลย เป็นเหตุทำให้ตัวปราสาทยังคงสภาพดั้งเดิมมาจนปัจจุบัน ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาใหม่เหมือนปราสาทส่วนใหญ่ในญี่ปุ่น อย่างเช่น ปราสาทโอซาก้า เป็นต้น


เนื่องจากสีดำที่ทาอยู่ภายนอก จึงเป็นที่มาของชื่อที่เรียกกันเล่นๆว่า “ปราสาทอีกาดำ”

เดินเที่ยวเล่นในหุบเขาสวย “คามิโคจิ”

นอกจากเมืองเก่าที่เต็มไปด้วยที่เที่ยวทางวัฒนธรรม มัตสึโมโต้ก็ยังมีธรรมชาติที่งดงาม จากตัวเมืองใช้เวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมง ก็สามารถเดินทางไปคามิโคจิได้ด้วยรถไฟและรถบัสของ Alpico ถ้าใครเป็นสายเที่ยวธรรมชาติและภูเขาแล้วล่ะก็ ห้ามพลาดเลยทีเดียว!

สะพานคัปปะ (Kappa) สัญลักษณ์ของคามิโคจิกับเทือกเขาโฮทากะ (Hotaka) ส่วนหนึ่งของเจแปนแอลป์ด้านหลัง

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับคามิโคจิ
(อัพเดตปี 2024) คู่มือแนะนำเที่ยวคามิโคจิฉบับเต็ม (เที่ยวเมื่อไหร่ เดินทางยังไง เปิดปิดเมื่อไหร่ เดินเที่ยวยังไง)

แวะเมืองออนเซ็นแช่บ่อน้ำพุร้อน

เมืองมัตสึโมโต้มีแหล่งออนเซ็นหลายแห่งที่จะช่วยผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจ แต่ละที่ต่างก็มีเอกลักษณ์และบรรยากาศแตกต่างกันไป แนะนำออนเซ็นทั้ง 3 แห่ง ได้แก่

อุสึกุชิกาฮาระออนเซ็น

อุสึกุชิกาฮาระออนเซ็น (Utsukushigahara Onsen) ตั้งอยู่บนเนินเขา เห็นทั้งวิวเมืองมัตสึโมโต้และเทือกเขาเจแปนแอลป์ ออนเซ็นแห่งนนี้มีประวัติศาสตร์ยาวนานย้อนไปถึงยุคสมัยนารา (ค.ศ. 710 – 794) และยังปรากฏใน “นิฮนโชะกิ” หนังสือประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของญี่ปุ่นด้วย จากท่ารถบัสในตัวเมืองมัตสึโมโต้ สามารถนั่งรถบัส Alpico ไปได้ใช้เวลาประมาณ 15-20 นาที (รถบัสสาย 31)
 
ออนเซ็นขนาดใหญ่ที่เรียวกัง “อุสึกุชิกาฮาระออนเซ็นโชโฮ“ กับวิวเทือกเขาเจแปนแอลป์แบบพาโนราม่า
 

อ่านเพิ่มเติม:
ชมวิวเทือกเขาเจแปนแอลป์ ขณะแช่ออนเซ็นที่โรงแรมโชโฮ

อาซามะออนเซ็น

อาซามะออนเซ็น (Asama Onsen) เป็นอีกหนึ่งหมู่บ้านออนเซ็นใกล้ตัวเมืองมัตสึโมโต้ และเต็มไปด้วยกลิ่นอายญี่ปุ่นสมัยเก่า ที่นี่เต็มไปด้วยร้านอาหาร คาเฟ่และโรงแรมหลายแห่ง นอกจากนี้ยังมีโรงแช่ออนเซ็นแบบไปเช้า-เย็นกลับ ไม่ต้องพักแรมด้วย ใครที่พักในตัวเมือง จะมาเดินเที่ยวและแช่ออนเซ็นที่นี่อย่างเดียวก็ได้

 
“Asama Hot Plaza“ โรงแช่ออนเซ็นสาธารณะเพียงแห่งเดียวในอาซามะออนเซ็น

 
 

เสาไฟ ป้ายห้างร้านต่างๆให้บรรยากาศแบบยุคโชวะที่อาซามะออนเซ็น

 

อาซามะออนเซ็นใช้เวลาเดินทางเพียง 20 นาทีจากท่ารถบัสมัตสึโมโต้โดยรถบัส Alpico (สาย 32) แนะนำให้ลงที่ป้าย Hot Plaza Asama ซึ่งอยู่ไม่ไกลกันกับคาเฟ่ชื่อดังและโรงอาบน้ำออนเซ็น รถบัสให้บริการทุกๆ 15-60 นาทีแล้วแต่ช่วงเวลาของวัน

ชิราโฮเนะออนเซ็น

ชิราโฮเนะออนเซ็น (Shirahone Onsen) อยู่ห่างจากตัวเมืองระหว่างทางไปคามิโคจิ เป็นหมู่บ้านออนเซ็นเล็กๆที่ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาอันเงียบสงบ น้ำพุร้อนที่นี่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเป็นสีขุ่นออกขาวออกฟ้า ทำให้เป็นที่มาของชื่อออนเซ็นที่แปลตรงตัวได้ว่า “บ่อน้ำพุร้อนกระดูกขาว”


“Awano no Yu” เรียวกังที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในหมู่บ้านชิราโฮเนะออนเซ็น กับบ่อน้ำพุร้อนขนาดใหญ่แช่รวมชายหญิง
 

บ่อน้ำพุร้อนสาธารณะ

เวลาให้บริการ: วันธรรมดา 10:00-16:00 น. / วันเสาร์-อาทิตย์ 09:00-17:00 น.
ปิดทำการ: ทุกวันพุธ

 

 

บ่อน้ำพุร้อนสาธารณะที่ชิราโฮเนะออนเซ็น (ค่าใช้บริการ 520 เยน) กับข้าวต้มที่ต้มด้วยน้ำออนเซ็นกับเกลือและเครื่องจิ้ม

ตารางเวลารถบัสไปชิราโฮเนะออนเซ็น
รถบัสจากมัตสึโมโต้ไปชิราโฮเนะออนเซ็น >
รถบัสจากคามิโคจิไปชิราโฮเนะออนเซ็น >
รถบัสจากโนริคุระไปชิราโฮเนะออนเซ็น >

ย้อนเวลาชมโรงเรียนเก่าไคจิ สมัยเปิดประเทศ

โรงเรียนเก่าไคจิ (Former Kaichi School) เป็นอีกหนึ่งสมบัติแห่งชาติในมัตสึโมโต้ ใครที่ชอบสถาปัตยกรรมสวยๆแปลกๆห้ามพลาด เพราะที่นี่เป็นตัวแทนสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นในยุคที่เพิ่งเริ่มเปิดประเทศและรับเอาวัฒนธรรมและเทคโนโลยีจากชาติตะวันตกเข้ามา ทำให้เกิดการผสมผสานกันของวัฒนธรรม ซึ่งแสดงออกมาในรูปแบบสถาปัตยกรรมเลียนแบบตะวันตก (Giyofu Architecture)

 
โรงเรียนเก่าไคจิ หนึ่งในสัญลักษณ์ยุคเริ่มต้นพัฒนาการศึกษาของประเทศญี่ปุ่น

 

อ่านเพิ่มเติม: สมบัติของชาติแห่งที่ 2 ของมัตสึโมโต้ – โรงเรียนเก่าไคจิ

นั่งเล่นร้านคาเฟ่ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

คอกาแฟและผู้รักในของหวานทั้งหลาย เมื่อมามัตสึโมโต้ ถ้ามีเวลาแนะนำให้แวะร้านคาเฟ่ด้วย เมืองแห่งนี้เต็มไปด้วยร้านกาแฟและของหวานที่ต่างก็มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง ทั้งคาเฟ่ร้านหนังสือไปจนถึงร้านกาแฟแบบแอนทีค เดินเที่ยวจนเหนื่อยแล้ว ก็แวะพักรับประทานของหวานสักหน่อยจะได้มีแรงเดินต่อ!

 
 

ร้านแรกที่แนะนำคือ Soundo (想雲堂) (อ่านว่าโซอุนโด) เป็นร้านคาเฟ่เล็กๆให้ความรู้สึกอบอุ่น และเต็มไปด้วยหนังสือกว่า 6,000 เล่ม นอกจากกาแฟและเบเกอรี่อร่อยๆ ก็ยังมีเมนูเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กับกับแกล้มด้วย

 
 

อีกแห่งหนึ่งคือร้าน Coffee Marumo (珈琲まるも) เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 1956 เป็นที่นิยมของคนท้องถิ่นมาช้านาน ถ้าใครชอบเฟอร์นิเจอร์เก่าๆสวยๆ แนะนำที่นี่เลย

จิบค็อกเทลในบาร์ยามค่ำคืน

หลังอาทิตย์ลับขอบฟ้า เมืองมัตสึโมโต้ก็กลายเป็นเมืองแห่งบาร์!

ในเมืองมัตสึโมโต้มีบาร์ทั้งหมดประมาณ 20 แห่ง เมื่อเทียบกับประชากรเพียง 240,000 คน ทำให้มัตสึโมโต้ได้ชื่อว่าเป็น “เมืองแห่งบาร์” บาร์แต่ละแห่งต่างก็มีเอกลักษณ์ต่างกันออกไป แต่ที่มีชื่อเสียงที่สุดก็คือร้าน “Main Bar Coat” ด้วยการตกแต่งภายในด้วยเฟอร์นิเจอร์ทำด้วยไม้สวยๆ ทำให้ได้บรรยากาศสบายๆอบอุ่น และแน่นอนว่าค็อกเทลที่นี่ก็อร่อยและสวยด้วย!

แต่ถ้าหากอยากจะจิบแอลกอฮอล์กับชมวิวกลางคืนแบบโรแมนติกไปพลาง แนะนำให้ขึ้นไปบาร์บนชั้น 14 ของโรงแรมบัวนาวิสต้า (Hotel Buena Vista) ที่นี่สามารถชิมค็อกเทลชงด้วยฝีมือบาร์เทนเดอร์มือรางวัลได้ด้วย
 
“Sopresa” บาร์สุดโรแมนติกที่ชั้นบนสุดของโรงแรมบัวนาวิสต้า

ชมพิพิธภัณฑ์ศิลปะแขนงต่างๆ

พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมืองมัตสึโมโต้

ถ้าใครไม่รู้ ตอนนี้ก็ได้รู้แล้วว่า มัตสึโมโต้เป็นบ้านเกิดของศิลปินแนวศิลปะก้าวหน้าชื่อดังอย่าง “คุซามะ ยาโยอิ” (Kusama Yayoi) ขณะเดินเที่ยวอยู่เพลินๆ คุณอาจจะเห็นความเป็นคุซามะ ยาโยอิตามที่ต่างๆ อย่างเช่น รถบัส “Town Sneaker” ซึ่งวิ่งไปในทั่วเมืองมัตสึโมโต้
 
“Mizutama Ranbu” รถบัสดีไซน์โดยคุณคุซามะ ยาโยอิ หนึ่งในรถบัสท่องเที่ยว Town Sneaker ที่วิ่งในมัตสึโมโต้

ใครที่ชอบผลงานของคุซามะ ยาโยอิ อย่าลืมแวะพิพิธภัณฑ์ศิลปะเมืองมัตสึโมโต้ (Matsumoto City Museum of Arts) โดยเฉพาะปี 2022 มีการจัดแสดงผลงานของคุซามะ ยาโยอิถึง 2 นิทรรศการด้วยกัน

Yayoi Kusama: The Place for My Soul
ช่วงจัดแสดง: 2022/4/21 – 2023/4/9

Yayoi Kusama: Print Works
ช่วงจัดแสดง: 2022/7/23 – 2022/9/25

(*อย่าลืมเช็กวันปิดทำการของพิพิธภัณฑ์จากเว็บไซต์ทางการด้วยนะ)

ศิลปะจัดวางที่ตั้งอยู่หน้าพิพิธภัณฑ์ โดย Yayoi Kusama, The Visionary Flowers,2002; To the Future, from Matsumoto, 2016

พิพิธภัณฑ์ภาพพิมพ์อุคิโยะเอะ (Ukiyo-e)

Japan Ukiyo-e Museum เป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดเก็บผลงานภาพพิมพ์อุคิโยะเอะไว้เป็นจำนวนมากที่สุดในโลก มากกว่า 1 แสนชิ้น ทั้งหมดเป็นคอลเลกชั่นสะสมส่วนตัวของครอบครัวคุณซะไก (Sakai) ซึ่งเป็นผู้ให้การอุปถัมภ์ศิลปะอุคิโยะเอะมาตั้งแต่ปลายยุคเอโดะ ถ้าใครชอบภาพคลื่นยักษ์ของโฮะคุไซ ก็น่าที่จะชอบภาพอุคิโยะเอะที่นี่ด้วย

พิพิธภัณฑ์แห่งนี้อยู่ห่างจากแหล่งท่องเที่ยวในตัวเมืองเล็กน้อย แนะนำให้เดินทางด้วยรถแท็กซี่หรือรถบัส Town Sneaker สาย west course

 

ภายนอกอาคารพิพิธภัณฑ์ประดับด้วยกระจกสไตล์โมเดิร์น กับภาพพิมพ์อุคิโยะเอะน่าขบขันซึ่งจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์

อ่านเพิ่มเติม:
ชมคอลเลคชั่นภาพอุคิโยะเอะ “โลกแห่งความล่องลอย” ที่ใหญ่ที่สุดในโลก

เรียนรู้วัฒนธรรมญี่ปุ่นดั้งเดิม

เพียงแค่ได้เดินเที่ยวบนแดนอาทิตย์อุทัยก็ทำให้เราได้เรียนรู้วัฒนธรรมญี่ปุ่นแล้ว แต่บางอย่างถ้าไม่ได้เข้าร่วมกับทัวร์ท้องถิ่นก็ไม่สามารถจะเรียนรู้สัมผัสได้ด้วยตนเอง แนะนำให้ลองเช็คเว็บไซต์ Matsumoto Experience  ซึ่งรวบรวมทัวร์และกิจกรรมต่างๆพร้อมไกด์ภาษาอังกฤษเอาไว้ เผื่อจะมีกิจกรรมไหนที่สนใจ ยกตัวอย่างกิจกรรมที่น่าสนใจ ดังนี้

คอสเพลย์ซามูไรและฟันดาบ

นอกจากจะได้แต่งชุดเลียนแบบซามูไรแล้ว เจ้าหน้าที่จะสอนกระบวนท่าฟันดาบง่ายๆให้เราด้วย ไม่เฉพาะเด็กๆ ผู้ใหญ่ก็เข้าร่วมได้!


กิจกรรมคอสเพลย์ซามูไรและฟันดาบ ©Photo credit: Matsumoto Experience

ตีกลองไทโกะ (Taiko)

อีกหนึ่งกิจกรรมยอดนิยมของชาวต่างชาติ คือ การลองตีกลองไทโกะ (Taiko) นักตีกลองท้องถิ่นจะช่วยสอนวิธีการตีกลองไทโกะทีละเสต็ป ไม่แน่เผลอๆรู้ตัวอีกทีก็พร้อมที่จะโชว์เดี่ยวแล้ว!

กิจกรรมตีกลองไทโกะ ©Photo credit: Matsumoto Experience and Visit Matsumoto website

ลองทำลูกอมญี่ปุ่นโบราณ

ใกล้ๆกับปราสาทมัตสึโมโต้ มีร้านทำลูกอมญี่ปุ่นโบราณชื่อ Yamaya (山屋御飴所) ซึ่งทำลูกอมและขนมอื่นๆกันมายาวนานกว่า 300 กว่าปีตั้งแต่ปี 1672 แนะนำกิจกรรมนี้เป็นพิเศษกับครอบครัวที่มีเด็กๆมาด้วย

 
ลูกอมที่ทำแน่นอนว่าสามารถนำกลับไปเป็นของฝากได้ด้วย

เข้าร่วมเทศกาลท้องถิ่นในมัตสึโมโต้

การได้เข้าร่วมเทศกาลท้องถิ่นทำให้เราได้ประสบการณ์ใหม่ๆนอกเหนือไปจากที่สถานที่ที่แนะนำในเว็บไซต์ท่องเที่ยวทั่วไป ที่เมืองมัตสึโมโต้มีจัดงานเทศกาลต่างๆตลอดทั้งปี ดังนี้

 
 
ปฏิทินเทศกาลท้องถิ่นในมัตสึโมโต้
  • ต้นเดือนมกราคม: Ameichi Festival
  • 21-23 มกราคม: Matsumoto Castle Ice Sculpture Festival
  • 8-15 เมษายน: Nighttime Cherry Blossom Viewing
  • 28-29 พฤษภาคม: Crafts Fair Matsumoto
  • 30 กรกฎาคม: Taiko Drum Festival
  • 6 สิงหาคม: Matsumoto Bon-Bon
  • 13 สิงหาคม: Seiji Ozawa Matsumoto Festival
  • 8 ตุลาคม: Asama Onsen Taimatsu Festival

ลองชิมอาหารท้องถิ่นของมัตสึโมโต้

อย่างที่หลายๆคนพูดกันว่า อาหารเป็นหนึ่งในวิธีเรียนรู้วัฒนธรรมท้องถิ่นที่ดีที่สุด อาหารท้องถิ่นที่ควรลองเมื่อมามัตสึโมโต้มีมากมาย จะมีอะไรบ้าง เรารวบรวมมาให้แล้วด้านล่าง

  • โทจิโซบะ (Toji-soba): โซบะเสิร์ฟร้อนแบบสไตล์ชาบูชาบู รับประทานโดยเอาเส้นใส่ตะกร้อจุ่มลงในหม้อให้เส้นร้อน รับประทานก็น้ำซุปรสเข้มข้น ใครไปเที่ยวฤดูหนาว สั่งเมนูนี้รับรองว่าฟิน
  • เนื้อชินชูกิว (Shinshu-gyu): มีชื่อเรียกย่อๆมาจาก Apple Wagyu Shinshu-gyu เป็นแบรนด์เนื้อวัวของจังหวัดนากาโนะที่เลี้ยงด้วยกากแอปเปิ้ล กากถั่วเหลือง กากสาเก ซึ่งล้วนแต่เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากกากผลิตน้ำแอปเปิ้ล เต้าหู้ มิโสะ สาเก ของขึ้นชื่อของจังหวัดนากาโนะทั้งสิ้น อาหารที่ใช้เลี้ยงวัวเหล่านี้มีการวิจัยแล้วว่าทำให้วัวสุขภาพดีและมีเนื้อรสชาติอร่อยด้วย
  • ไก่ทอดซันโซะกุยากิ (Sanzoku-yaki): เป็นเนื้อไก่ทอดที่หมักด้วยซอสชนิดพิเศษทำจากโชยุและกระเทียมบด เมนูหน้าตาธรรมดาแต่รสชาติไม่ธรรมดานี้ เรียกได้ว่าเป็น soul food ของชาวมัตสึโมโต้เลยก็ว่าได้
  • มัตสึโมโต้คราฟต์เบียร์ (Matsumoto Craft Beer): วางจำหน่ายครั้งแรกเมื่อปี 2016 ใช้ฮอปส์และน้ำพุธรรมชาติจากเทือกเขาเจแปนแอลป์และที่ราบสูงอุสึกุชิกาฮาระในการผลิต มีให้เลือกหลากหลายรสชาติตามความชอบ
  • เนื้อม้าบาซาชิ (Basashi): เนื้อม้าซาชิมิเสิร์ฟแบบดิบกับหัวหอมฝานบางๆ จิ้มโชยุกับกระเทียมบดหรือวาซาบิก็ได้แล้วแต่ชอบ
  • ชินชูแซลมอน (Shinshu Salmon): ชินชูแซลมอนเป็นชื่อแบรนด์แซลมอนที่เลี้ยงเฉพาะในจังหวัดนากาโนะ รับรองว่าเนื้อหวานมันไม่แพ้ที่ไหนแน่นอน จะรับประทานดิบหรือทำให้สุกก็อร่อย
  • แมลงหลากหลายชนิด: ใช่แล้ว อ่านไม่ผิดหรอกค่ะ! ที่ญี่ปุ่นเองก็มีวัฒนธรรมกินแมลงเหมือนบ้านเรา ขณะที่บ้านเราจะชอบนำมาทอดกิน แต่ที่ญี่ปุ่นจะชอบนำมาต้มเชื่อมกับโชยุและมิรินให้มีรสชาติหวาน ที่พบบ่อยก็จะมีพวกตั๊กแตนและตัวอ่อนของพวกตัวต่อ สามารถหาซื้อกินง่ายๆได้ตามซุปเปอร์มาร์เก็ตในมัตสึโมโต้

ฤดูท่องเที่ยวมัตสึโมโต้ที่แนะนำ

เมืองมัตสึโมโต้มีความสวยงามแตกต่างไปตามแต่ฤดูกาล จึงไม่มีฤดูไหนที่น่าเที่ยวที่สุด ใครที่กำลังลังเล ไปดูกันเลยว่าแต่ละฤดูกาลมีอะไรให้ดูบ้าง

มัตสึโมโต้ในฤดูใบไม้ผลิ (เม.ย. – ต้นพ.ค.)

ช่วงใบไม้ผลิราวๆกลางเดือนเมษายนถึงต้นพฤษภาคมคือ ฤดูยอดนิยมของนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพราะสามารถชมดอกซากุระบานได้ นอกจากนี้ก็ยังสามารถชมเทือกเขาเจแปนแอลป์ที่มีหิมะปกคลุมบนยอดได้จากในตัวเมืองด้วย (ช่วงซากุระบานเต็มที่ในตัวเมืองอยู่ราวกลางเดือนเมษายน)

ปราสาทมัตสึโมโต้รายล้อมไปด้วยสีชมพูของดอกซากุระ

มัตสึโมโต้ในฤดูร้อน (กลางพ.ค. – ก.ย.)

เหตุผลที่ชาวญี่ปุ่นนิยมมาเที่ยวจังหวัดนากาโนะในหน้าร้อน ก็เพราะฤดูร้อนที่นี่มีความชื้นต่ำ ทำให้ไม่ค่อยรู้สึกเหนียวเหนอะหนะอย่างเมืองใหญ่ เช่นโตเกียว ออกจะเย็นสบายในช่วงเช้าและกลางคืน และถ้าได้ขึ้นไปบนเขา ก็ยิ่งร่มรื่นสบาย เต็มไปด้วยสีเขียวของต้นไม้ มีความสดชื่นจากลำธารใสแจ๋ว ลมภูเขายังช่วยพัดเอาอากาศเย็นๆมาด้วย

 

 
 

มัตสึโมโต้ในฤดูใบไม้ร่วง (ต.ค. – พ.ย.)

อากาศเย็นสบาย อาหารอร่อยๆ และใบไม้ที่เปลี่ยนเป็นสีแดงตามทางเดิน ทำให้ฤดูใบไม้ร่วงเหมาะสำหรับการเดินเที่ยวในเมืองเป็นที่สุด ขณะที่บนเขาสูงขึ้นไป ใบไม้จะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ส้มและแดงตั้งแต่ปลายกันยายนถึงต้นพฤศจิกายน ฤดูชมใบไม้เปลี่ยนสีในเมือจะเริ่มช้ากว่า ประมาณกลางเดือนพฤศจิกายน

 

ศาลเจ้าโยฮะชิระ (Yohashira Shrine) ใกล้ๆกับปราสาทมัตสึโมโต้

มัตสึโมโต้ในฤดูหนาว (ธ.ค. – มี.ค.)

ฤดูหนาว ฤดูที่เหมาะกับการแช่ออนเซ็นเป็นที่สุด! เปรียบเทียบกับฝั่งประเทศยุโรปแล้ว ฤดูหนาวของญี่ปุ่นจะมีวันที่แดดออกฟ้าใสมากกว่า บรรยากาศจึงไม่ค่อยอึมครึม ทำให้อยากจะออกไปเดินเที่ยวอาบแดดให้ร่างกายอบอุ่น หรือขึ้นเขาไปสนุกกับการเล่นหิมะ เล่นสกีหรือเดินสโนว์ชูส์
 
 
 

ในตัวเมืองมัตสึโมโต้ไม่ค่อยจะมีหิมะตกเท่าไหร่ แต่ถ้าได้ตกแล้วล่ะก็ เมืองทั้งเมืองจะกลายเป็น Snow Wonderland เลยทีเดียว

ใครว่าฤดูหนาวไปคามิโคจิไม่ได้ ที่จริงไปได้นะ แต่ต้องเดินสโนว์ชูว์เข้าไปเอง!

โรงแรมน่าพักในมัตสึโมโต้

เมืองมัตสึโมโต้มีโรงแรมให้เลือกหลากหลายรูปแบบ ทั้งโรงแรมราคาประหยัด ไปจนถึงเรียวกังหรูหรา บทความนี้เรามีโรงแรมมาแนะนำด้วยกัน 3 แห่ง 3 สไตล์

Utsukushigahara Onsen Shoho

เรียวกังอุสึกุชิกาฮาระออนเซ็นโชโฮ เป็นหนึ่งในเรียวกังระดับพรีเมี่ยม สามารถชมวิวเจแปนแอลป์แบบพาโนราม่าได้จากห้องพักทุกห้อง

 
 

มีห้องพักให้เลือกหลากหลายสไตล์ทั้งแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมปูด้วยเสื่อทาตามิ ห้องแบบสมัยใหม่มีเตียง หรือจะเป็นห้องที่มีอ่างออนเซ็นให้แช่ในส่วนตัวก็มี

(*มีรถบัสรับ-ส่งฟรีจากสถานีมัตสึโมโต้ด้วย)

หนึ่งในไฮไลต์ของการเข้าพักในโรงแรมสไตล์เรียวกัง ก็คืออาหารมื้อเย็นที่จะจัดเสิร์ฟแบบไคเซะกิ (Kaiseki) โดยมีพนักงานในชุดกิโมโนเข้ามาเสิร์ฟอาหารทีละจานจนครบคอร์ส

อาหารมื้อเย็นที่ปรุงด้วยความพิถีพิถัน ใช้วัตถุดิบของอร่อยในแต่ละฤดูกาลและจัดวางในภาชนะสวยงามแตกต่างกันไป

จองห้องพักเรียวกัง Utsukushigahara Onsen Shoho >

Hotel Buena Vista

โรงแรมบัวนาวิสต้าเป็นซิตี้โฮเทลที่ดีและมีชื่อเสียงที่สุดในเมืองมัตสึโมโต้ โดยเฉพาะบริการที่อบอุ่นและเป็นมิตร อยู่ห่างจากสถานีและท่ารถบัสมัตสึโมโต้เพียงเดินไม่ถึง 10 นาที แต่ก็ยังมีรถรับ-ส่งฟรีจากสถานีทุกๆ 10 นาทีด้วย

โรงแรมบัวนาวิสต้าและห้อง Superior Twin Room

ก่อนเริ่มวันใหม่คงไม่มีอะไรดีไปกว่าอาหารเช้าดีๆสักมื้อ ที่โรงแรมบัวนาวิสต้ามีทั้งอาหารเช้าแบบฝรั่งและแบบญี่ปุ่นเตรียมไว้ให้พร้อมเพื่อเพิ่มพลังก่อนออกเดินเที่ยว

ตัวอย่างอาหารเช้าที่ห้องอาหาร La Café Terraza
 

อาหารเช้าชุดปิกนิกบนชั้น 14 ของโรงแรมกับวิวเจแปนแอลป์ (ต้องจองล่วงหน้า)
 
จองห้องพัก Hotel Buena Vista >

Alpico Plaza Hotel

โรงแรมอัลปิโก้พลาซ่า โรงแรมระดับมาตรฐานกับราคาที่สมเหตุสมผล บนโลเคชั่นอันแสนสะดวกสบาย ใกล้ทั้งสถานีรถไฟ ท่ารถบัส ร้านสะดวกซื้อและซุปเปอร์มาร์เก็ต

ถัดจากโรงแรมไปคือ “Matsumoto Tsunagu Yokocho” แหล่งรวมร้านอาหารและร้านอิซากายะไว้กว่า 10 ร้าน มีทั้งเมนูปิ้งย่าง ราเม็น กิวทัง(ลิ้นวัว) ซาชิมิ และอาหารท้องถิ่นมากมายให้เลือก แนะนำสำหรับนักท่องเที่ยวที่เน้นความสะดวกสบายเป็นที่สุด


จองห้องพัก Alpico Plaza Hotel >

ตัวอย่างแผนเที่ยวมัตสึโมโต้

แผนเที่ยวมัตสึโมโต้ 1 วัน

09:00      ชมปราสาทมัตสึโมโต้
10:30      ลองกิจกรรมคอสเพลย์ซามูไรและฟันดาบ
13:00      รับประทานอาหารที่ถนนนากามาจิหรือนาวาเตะ
15:00      เข้าชมพิพิธภัณพ์ศิลปะเมืองมัตสึโมโต้
17:30      กลับโรงแรม พักผ่อน
18:00      รับประทานอาหารคอร์สแบบญี่ปุ่น “ไคเซะกิ”
21:00      แช่ออนเซ็นผ่อนคลายร่างกายก่อนเข้านอน

แผนเที่ยวมัตสึโมโต้ 2 วัน

Day 1 (*สมมุติว่าเดินทางถึงมัตสึโมโต้วันก่อนหน้า)

09:30      เดินเที่ยวชมธรรมชาติในคามิโคจิ
15:15      แวะแช่น้ำพุร้อนที่ชิราโฮเนะออนเซ็น
18:30      กลับโรงแรมในตัวเมืองมัตสึโมโต้
19:00      รับประทานอาหารที่ Matsumoto Tsunagu Yokocho

 

Day 2

09:00      ชมปราสาทมัตสึโมโต้
10:30      ลองกิจกรรมคอสเพลย์ซามูไรและฟันดาบ
13:00      รับประทานอาหารที่ถนนนากามาจิหรือนาวาเตะ
15:00      เข้าชมพิพิธภัณพ์ศิลปะเมืองมัตสึโมโต้
17:30      กลับโรงแรม พักผ่อนก่อนเวลาอาหารเย็น
20:30      แวะจิบค็อกเทลที่บาร์ในเมืองมัตสึโมโต้

เช็คพาสรถบัสที่ใช้เที่ยวในและรอบๆมัตสึโมโต้ >

การเดินทางไปมัตสึโมโต้

เมืองมัตสึโมโต้สามารถเดินทางไปได้อย่างสะดวกสบาย ทั้งทางรถไฟและรถบัส
ดูตารางรถบัสทั้งหมดที่ไปมัตสึโมโต้ >

 
รวมวิธีการเดินทางไปมัตสึโมโต้

จากโตเกียวไปมัตสึโมโต้

ถ้าหากมี JR Pass (All area หรือ East Pass (Nagano, Niigata area)) อยู่แล้ว ก็สามารถนั่งรถไฟ JR Azusa จากชินจูกุมามัตสึโมโต้ได้เลย ใช้เวลาประมาณ 2 ชม. 40 นาที (ตั๋วเที่ยวเดียวราคา 6,620 เยน)

แต่ถ้าใครไม่มีพาส JR หรืออยากประหยัดเงิน ก็สามารถนั่งรถบัส Alpico จาก Shinjuku bus terminal มาได้ ใช้เวลาประมาณ 3 ชม. 20 นาที ราคาตั๋วขาเดียวอยู่ระหว่าง 4,100 – 4,500 เยน

 

ท่ารถบัสมัตสึโมโต้ (Matsumoto Bus Terminal) อยู่ในตึกเดียวกับ Alpico Plaza Mall ข้างในมีทั้งร้านอาหาร (ชั้น7) ร้านของฝาก ซุปเปอร์มาร์เก็ต Delicia (ชั้นใต้ดิน) ร้าน 100 เยน ร้านเสื้อผ้า และร้านขายของมือสองด้วย
 

ดูตารางเวลารถบัสสายชินจูกุ – มัตสึโมโต้ >
ซื้อตั๋วรถบัสสายชินจูกุ – มัตสึโมโต้ออนไลน์ >

จากนาโกย่าไปมัตสึโมโต้

จากนาโกย่าสามารถนั่งรถไฟ JR Shinano express ใช้เวลาประมาณ 2 ชม. (6,140 เยน) หรือนั่งรถบัส Alpico โดยใช้เวลา 3 ชม. 45 นาที (3,400 – 4,800 เยนต่อเที่ยว)

ดูตารางเวลารถบัสสายนาโกย่า – มัตสึโมโต้ >
ซื้อตั๋วรถบัสสายนาโกย่า – มัตสึโมโต้ออนไลน์ >

จากโอซาก้าไปมัตสึโมโต้

จากโอซาก้าไปมัตสึโมโต้ใช้เวลาประมาณ 4 ชม. โดยชินคันเซ็นและต่อรถไฟด่วน (10,800 เยนต่อเที่ยว) หากเดินทางโดยรถบัสจะมีค่าใช้จ่ายระหว่าง 4,500 – 7,300 เยนต่อเที่ยว ขึ้นอยู่กับวันเดินทางและวันที่จองตั๋วว่าจองล่วงหน้านานแค่ไหน

รถบัสสายนี้มีรอบที่วิ่งกลางคืนด้วย แนะนำสำหรับผู้ที่ต้องการประหยัดเวลาในการเดินทาง

ดูตารางเวลารถบัสสายโอซาก้า – มัตสึโมโต้ >
ซื้อตั๋วรถบัสสายโอซาก้า – มัตสึโมโต้ออนไลน์ >

จากนากาโนะไปมัตสึโมโต้

จากนากาโนะไปมัตสึโมโต้ สามารถนั่งรถไฟ JR สาย Shinonoi Line (1,170 เยน / 1 ชม. 15 นาที) หรือรถบัส Alpico ก็ได้ (1,600 เยน / 1 ชม. 15 นาที) แต่รถบัสสายนี้ให้บริการแค่วันธรรมดาเท่านั้น

ดูตารางเวลารถบัสสายนากาโนะ – มัตสึโมโต้ >
(รถบัสสายนี้ไม่ต้องจองตั๋วล่วงหน้า)

จากทาคายามะไปมัตสึโมโต้

ระหว่างทาคายามะกับมัตสึโมโต้มีรถบัส Alpico และ Nohi ให้บริการวันละ 4 เที่ยวไปกลับ (3,500 เยน / 2 ชม. 30 นาที)

ดูตารางเวลารถบัสสายทาคายามะ – มัตสึโมโต้ >
(รถบัสสายนี้ไม่ต้องจองตั๋วล่วงหน้า)

การเดินทางเที่ยวในมัตสึโมโต้

สถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่ในมัตสึโมโต้ เช่น ปราสาทมัตสึโมโต้  โรงเรียนเก่าไคจิ ถนนนาวาเตะ/นากามาจิ และพิพิธภัณฑ์ศิลปะเมืองมัตสึโมโต้ อยู่ในระยะทางไม่ไกลกันมาก สามารถเดินเที่ยวได้โดยรอบ แต่ก็สามารถยืมจักรยานหรือขึ้นรถบัส Town Sneaker เพื่อชมเมืองก็ได้เช่นกัน

ส่วนหมู่บ้านออนเซ็น เช่น อุสึกุชิกาฮาระออนเซ็นและอาซามะออนเซ็น สามารถเดินทางไปได้ด้วยรถบัส Alpico โดยขึ้นรถบัสได้ที่ท่ารถบัสมัตสึโมโต้ตรงข้ามกับสถานีรถไฟ JR มัตสึโมโต้ ใช้เวลาเดินทางเพียงประมาณ 20 นาทีก็ถึงออนเซ็นทั้ง 2 แห่ง

  • รถบัสไปอุสึกุชิกาฮาระออนเซ็น (สาย 31) รถออกทุกๆ 20-30 นาที
  • รถบัสไปอาซามะออนเซ็น (สาย 32) รถออกทุกๆ  15-60 นาที
รถบัส Alpico รถผู้โดยสายขึ้นรถอยู่ที่ท่ารถบัสมัตสึโมโต้
 

สถานที่ท่องเที่ยวในแถบภูเขา เช่น คามิโคจิและชิราโฮเนะออนเซ็น อยู่ห่างออกไปจากตัวเมือง สามารถเดินทางไปได้ด้วยรถไฟสาย Kamikochi และไปต่อรถบัสที่สถานี Shin-Shimashima ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม. 30-45 นาที

อ่านเพิ่มเติม:
วิธีการเดินทางจากมัตสึโมโต้ไปคามิโคจิโดยรถบัส

สุดท้าย หากใครที่กำลังวางแผนเที่ยวทั้งคามิโคจิ มัตสึโมโต้และสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง เช่น โนริคุระ ทาคายามะ ชินโฮทากะโรปเวย์ แนะนำให้เช็คพาสรถบัสด้านล่างด้วย นอกจากจะสะดวกสบาย ใช้ยื่นให้คนขับดูแล้วขึ้นรถบัสได้เลย ยังประหยัดค่ารถบัสกว่าการซื้อตั๋วเป็นเที่ยวๆด้วย (*ขึ้นอยู่กับแผนเที่ยวด้วย)

พาสรถบัส 2-Day Free Passport >
พาสรถบัส 4-Day Alps WIDE Free Passport >
พาสรถบัส Alps Crossing Ticket >