เมืองมัตสึโมโต้ (Mastumoto) หรือที่หลายคนรู้จักในชื่อเมืองแห่งปราสาทอีกาดำ ไม่ได้มีที่เที่ยวแค่ปราสาทเท่านั้น แต่ยังมีสถานที่เที่ยวน่าสนใจและกิจกรรมสนุกๆให้ทำอีกหลายอย่าง ไปดูกันเลยว่ามีอะไรบ้าง!
ปราสาทมัตสึโมโต้เป็นจุดท่องเที่ยวห้ามพลาดเมื่อมาเยือนมัตสึโมโต้ ปราสาทอายุกว่า 400 ปีนี้ได้ขึ้นทะเบียนเป็นหนึ่งในสมบัติแห่งชาติของญี่ปุ่น เมื่อมองดูภายนอกจะเห็นว่ามีเพียง 5 ชั้น แต่ถ้าได้เข้าไปในปราสาทจะพบว่ามีชั้นลับซ่อนไว้สำหรับหลอกศัตรู ทำให้ปราสาทแห่งนี้แท้จริงแล้วมีความสูงทั้งหมด 6 ชั้นด้วยกัน
แม้ว่าปราสาทแห่งนี้จะสร้างขึ้นเพื่อป้องกันศัตรูรุกราน แต่ก็ไม่เคยได้ทำหน้าที่นี้เลย เป็นเหตุทำให้ตัวปราสาทยังคงสภาพดั้งเดิมมาจนปัจจุบัน ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาใหม่เหมือนปราสาทส่วนใหญ่ในญี่ปุ่น อย่างเช่น ปราสาทโอซาก้า เป็นต้น
นอกจากเมืองเก่าที่เต็มไปด้วยที่เที่ยวทางวัฒนธรรม มัตสึโมโต้ก็ยังมีธรรมชาติที่งดงาม จากตัวเมืองใช้เวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมง ก็สามารถเดินทางไปคามิโคจิได้ด้วยรถไฟและรถบัสของ Alpico ถ้าใครเป็นสายเที่ยวธรรมชาติและภูเขาแล้วล่ะก็ ห้ามพลาดเลยทีเดียว!
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับคามิโคจิ
(อัพเดตปี 2024) คู่มือแนะนำเที่ยวคามิโคจิฉบับเต็ม (เที่ยวเมื่อไหร่ เดินทางยังไง เปิดปิดเมื่อไหร่ เดินเที่ยวยังไง)
อ่านเพิ่มเติม:
ชมวิวเทือกเขาเจแปนแอลป์ ขณะแช่ออนเซ็นที่โรงแรมโชโฮ
อาซามะออนเซ็น (Asama Onsen) เป็นอีกหนึ่งหมู่บ้านออนเซ็นใกล้ตัวเมืองมัตสึโมโต้ และเต็มไปด้วยกลิ่นอายญี่ปุ่นสมัยเก่า ที่นี่เต็มไปด้วยร้านอาหาร คาเฟ่และโรงแรมหลายแห่ง นอกจากนี้ยังมีโรงแช่ออนเซ็นแบบไปเช้า-เย็นกลับ ไม่ต้องพักแรมด้วย ใครที่พักในตัวเมือง จะมาเดินเที่ยวและแช่ออนเซ็นที่นี่อย่างเดียวก็ได้
เสาไฟ ป้ายห้างร้านต่างๆให้บรรยากาศแบบยุคโชวะที่อาซามะออนเซ็น
อาซามะออนเซ็นใช้เวลาเดินทางเพียง 20 นาทีจากท่ารถบัสมัตสึโมโต้โดยรถบัส Alpico (สาย 32) แนะนำให้ลงที่ป้าย Hot Plaza Asama ซึ่งอยู่ไม่ไกลกันกับคาเฟ่ชื่อดังและโรงอาบน้ำออนเซ็น รถบัสให้บริการทุกๆ 15-60 นาทีแล้วแต่ช่วงเวลาของวัน
เวลาให้บริการ: วันธรรมดา 10:00-16:00 น. / วันเสาร์-อาทิตย์ 09:00-17:00 น.
ปิดทำการ: ทุกวันพุธ
ตารางเวลารถบัสไปชิราโฮเนะออนเซ็น
รถบัสจากมัตสึโมโต้ไปชิราโฮเนะออนเซ็น >
รถบัสจากคามิโคจิไปชิราโฮเนะออนเซ็น >
รถบัสจากโนริคุระไปชิราโฮเนะออนเซ็น >
โรงเรียนเก่าไคจิ (Former Kaichi School) เป็นอีกหนึ่งสมบัติแห่งชาติในมัตสึโมโต้ ใครที่ชอบสถาปัตยกรรมสวยๆแปลกๆห้ามพลาด เพราะที่นี่เป็นตัวแทนสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นในยุคที่เพิ่งเริ่มเปิดประเทศและรับเอาวัฒนธรรมและเทคโนโลยีจากชาติตะวันตกเข้ามา ทำให้เกิดการผสมผสานกันของวัฒนธรรม ซึ่งแสดงออกมาในรูปแบบสถาปัตยกรรมเลียนแบบตะวันตก (Giyofu Architecture)
อ่านเพิ่มเติม: สมบัติของชาติแห่งที่ 2 ของมัตสึโมโต้ – โรงเรียนเก่าไคจิ
คอกาแฟและผู้รักในของหวานทั้งหลาย เมื่อมามัตสึโมโต้ ถ้ามีเวลาแนะนำให้แวะร้านคาเฟ่ด้วย เมืองแห่งนี้เต็มไปด้วยร้านกาแฟและของหวานที่ต่างก็มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง ทั้งคาเฟ่ร้านหนังสือไปจนถึงร้านกาแฟแบบแอนทีค เดินเที่ยวจนเหนื่อยแล้ว ก็แวะพักรับประทานของหวานสักหน่อยจะได้มีแรงเดินต่อ!
ร้านแรกที่แนะนำคือ Soundo (想雲堂) (อ่านว่าโซอุนโด) เป็นร้านคาเฟ่เล็กๆให้ความรู้สึกอบอุ่น และเต็มไปด้วยหนังสือกว่า 6,000 เล่ม นอกจากกาแฟและเบเกอรี่อร่อยๆ ก็ยังมีเมนูเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กับกับแกล้มด้วย
อีกแห่งหนึ่งคือร้าน Coffee Marumo (珈琲まるも) เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 1956 เป็นที่นิยมของคนท้องถิ่นมาช้านาน ถ้าใครชอบเฟอร์นิเจอร์เก่าๆสวยๆ แนะนำที่นี่เลย
หลังอาทิตย์ลับขอบฟ้า เมืองมัตสึโมโต้ก็กลายเป็นเมืองแห่งบาร์!
ในเมืองมัตสึโมโต้มีบาร์ทั้งหมดประมาณ 20 แห่ง เมื่อเทียบกับประชากรเพียง 240,000 คน ทำให้มัตสึโมโต้ได้ชื่อว่าเป็น “เมืองแห่งบาร์” บาร์แต่ละแห่งต่างก็มีเอกลักษณ์ต่างกันออกไป แต่ที่มีชื่อเสียงที่สุดก็คือร้าน “Main Bar Coat” ด้วยการตกแต่งภายในด้วยเฟอร์นิเจอร์ทำด้วยไม้สวยๆ ทำให้ได้บรรยากาศสบายๆอบอุ่น และแน่นอนว่าค็อกเทลที่นี่ก็อร่อยและสวยด้วย!
ใครที่ชอบผลงานของคุซามะ ยาโยอิ อย่าลืมแวะพิพิธภัณฑ์ศิลปะเมืองมัตสึโมโต้ (Matsumoto City Museum of Arts) โดยเฉพาะปี 2022 มีการจัดแสดงผลงานของคุซามะ ยาโยอิถึง 2 นิทรรศการด้วยกัน
Yayoi Kusama: The Place for My Soul
ช่วงจัดแสดง: 2022/4/21 – 2023/4/9
Yayoi Kusama: Print Works
ช่วงจัดแสดง: 2022/7/23 – 2022/9/25
(*อย่าลืมเช็กวันปิดทำการของพิพิธภัณฑ์จากเว็บไซต์ทางการด้วยนะ)
Japan Ukiyo-e Museum เป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดเก็บผลงานภาพพิมพ์อุคิโยะเอะไว้เป็นจำนวนมากที่สุดในโลก มากกว่า 1 แสนชิ้น ทั้งหมดเป็นคอลเลกชั่นสะสมส่วนตัวของครอบครัวคุณซะไก (Sakai) ซึ่งเป็นผู้ให้การอุปถัมภ์ศิลปะอุคิโยะเอะมาตั้งแต่ปลายยุคเอโดะ ถ้าใครชอบภาพคลื่นยักษ์ของโฮะคุไซ ก็น่าที่จะชอบภาพอุคิโยะเอะที่นี่ด้วย
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้อยู่ห่างจากแหล่งท่องเที่ยวในตัวเมืองเล็กน้อย แนะนำให้เดินทางด้วยรถแท็กซี่หรือรถบัส Town Sneaker สาย west course
ภายนอกอาคารพิพิธภัณฑ์ประดับด้วยกระจกสไตล์โมเดิร์น กับภาพพิมพ์อุคิโยะเอะน่าขบขันซึ่งจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์
อ่านเพิ่มเติม:
ชมคอลเลคชั่นภาพอุคิโยะเอะ “โลกแห่งความล่องลอย” ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
เพียงแค่ได้เดินเที่ยวบนแดนอาทิตย์อุทัยก็ทำให้เราได้เรียนรู้วัฒนธรรมญี่ปุ่นแล้ว แต่บางอย่างถ้าไม่ได้เข้าร่วมกับทัวร์ท้องถิ่นก็ไม่สามารถจะเรียนรู้สัมผัสได้ด้วยตนเอง แนะนำให้ลองเช็คเว็บไซต์ Matsumoto Experience ซึ่งรวบรวมทัวร์และกิจกรรมต่างๆพร้อมไกด์ภาษาอังกฤษเอาไว้ เผื่อจะมีกิจกรรมไหนที่สนใจ ยกตัวอย่างกิจกรรมที่น่าสนใจ ดังนี้
นอกจากจะได้แต่งชุดเลียนแบบซามูไรแล้ว เจ้าหน้าที่จะสอนกระบวนท่าฟันดาบง่ายๆให้เราด้วย ไม่เฉพาะเด็กๆ ผู้ใหญ่ก็เข้าร่วมได้!
อีกหนึ่งกิจกรรมยอดนิยมของชาวต่างชาติ คือ การลองตีกลองไทโกะ (Taiko) นักตีกลองท้องถิ่นจะช่วยสอนวิธีการตีกลองไทโกะทีละเสต็ป ไม่แน่เผลอๆรู้ตัวอีกทีก็พร้อมที่จะโชว์เดี่ยวแล้ว!
ใกล้ๆกับปราสาทมัตสึโมโต้ มีร้านทำลูกอมญี่ปุ่นโบราณชื่อ Yamaya (山屋御飴所) ซึ่งทำลูกอมและขนมอื่นๆกันมายาวนานกว่า 300 กว่าปีตั้งแต่ปี 1672 แนะนำกิจกรรมนี้เป็นพิเศษกับครอบครัวที่มีเด็กๆมาด้วย
การได้เข้าร่วมเทศกาลท้องถิ่นทำให้เราได้ประสบการณ์ใหม่ๆนอกเหนือไปจากที่สถานที่ที่แนะนำในเว็บไซต์ท่องเที่ยวทั่วไป ที่เมืองมัตสึโมโต้มีจัดงานเทศกาลต่างๆตลอดทั้งปี ดังนี้
อย่างที่หลายๆคนพูดกันว่า อาหารเป็นหนึ่งในวิธีเรียนรู้วัฒนธรรมท้องถิ่นที่ดีที่สุด อาหารท้องถิ่นที่ควรลองเมื่อมามัตสึโมโต้มีมากมาย จะมีอะไรบ้าง เรารวบรวมมาให้แล้วด้านล่าง
เมืองมัตสึโมโต้มีความสวยงามแตกต่างไปตามแต่ฤดูกาล จึงไม่มีฤดูไหนที่น่าเที่ยวที่สุด ใครที่กำลังลังเล ไปดูกันเลยว่าแต่ละฤดูกาลมีอะไรให้ดูบ้าง
ช่วงใบไม้ผลิราวๆกลางเดือนเมษายนถึงต้นพฤษภาคมคือ ฤดูยอดนิยมของนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพราะสามารถชมดอกซากุระบานได้ นอกจากนี้ก็ยังสามารถชมเทือกเขาเจแปนแอลป์ที่มีหิมะปกคลุมบนยอดได้จากในตัวเมืองด้วย (ช่วงซากุระบานเต็มที่ในตัวเมืองอยู่ราวกลางเดือนเมษายน)
ปราสาทมัตสึโมโต้รายล้อมไปด้วยสีชมพูของดอกซากุระ
เหตุผลที่ชาวญี่ปุ่นนิยมมาเที่ยวจังหวัดนากาโนะในหน้าร้อน ก็เพราะฤดูร้อนที่นี่มีความชื้นต่ำ ทำให้ไม่ค่อยรู้สึกเหนียวเหนอะหนะอย่างเมืองใหญ่ เช่นโตเกียว ออกจะเย็นสบายในช่วงเช้าและกลางคืน และถ้าได้ขึ้นไปบนเขา ก็ยิ่งร่มรื่นสบาย เต็มไปด้วยสีเขียวของต้นไม้ มีความสดชื่นจากลำธารใสแจ๋ว ลมภูเขายังช่วยพัดเอาอากาศเย็นๆมาด้วย
อากาศเย็นสบาย อาหารอร่อยๆ และใบไม้ที่เปลี่ยนเป็นสีแดงตามทางเดิน ทำให้ฤดูใบไม้ร่วงเหมาะสำหรับการเดินเที่ยวในเมืองเป็นที่สุด ขณะที่บนเขาสูงขึ้นไป ใบไม้จะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ส้มและแดงตั้งแต่ปลายกันยายนถึงต้นพฤศจิกายน ฤดูชมใบไม้เปลี่ยนสีในเมือจะเริ่มช้ากว่า ประมาณกลางเดือนพฤศจิกายน
ศาลเจ้าโยฮะชิระ (Yohashira Shrine) ใกล้ๆกับปราสาทมัตสึโมโต้
ในตัวเมืองมัตสึโมโต้ไม่ค่อยจะมีหิมะตกเท่าไหร่ แต่ถ้าได้ตกแล้วล่ะก็ เมืองทั้งเมืองจะกลายเป็น Snow Wonderland เลยทีเดียว
อ่านเพิ่มเติม:
ใครว่าคามิโคจิไปตอนฤดูหนาวไม่ได้ แอดมินจะพาไปเอง
เมืองมัตสึโมโต้มีโรงแรมให้เลือกหลากหลายรูปแบบ ทั้งโรงแรมราคาประหยัด ไปจนถึงเรียวกังหรูหรา บทความนี้เรามีโรงแรมมาแนะนำด้วยกัน 3 แห่ง 3 สไตล์
เรียวกังอุสึกุชิกาฮาระออนเซ็นโชโฮ เป็นหนึ่งในเรียวกังระดับพรีเมี่ยม สามารถชมวิวเจแปนแอลป์แบบพาโนราม่าได้จากห้องพักทุกห้อง
มีห้องพักให้เลือกหลากหลายสไตล์ทั้งแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมปูด้วยเสื่อทาตามิ ห้องแบบสมัยใหม่มีเตียง หรือจะเป็นห้องที่มีอ่างออนเซ็นให้แช่ในส่วนตัวก็มี
(*มีรถบัสรับ-ส่งฟรีจากสถานีมัตสึโมโต้ด้วย)
หนึ่งในไฮไลต์ของการเข้าพักในโรงแรมสไตล์เรียวกัง ก็คืออาหารมื้อเย็นที่จะจัดเสิร์ฟแบบไคเซะกิ (Kaiseki) โดยมีพนักงานในชุดกิโมโนเข้ามาเสิร์ฟอาหารทีละจานจนครบคอร์ส
อาหารมื้อเย็นที่ปรุงด้วยความพิถีพิถัน ใช้วัตถุดิบของอร่อยในแต่ละฤดูกาลและจัดวางในภาชนะสวยงามแตกต่างกันไป
จองห้องพักเรียวกัง Utsukushigahara Onsen Shoho >โรงแรมบัวนาวิสต้าเป็นซิตี้โฮเทลที่ดีและมีชื่อเสียงที่สุดในเมืองมัตสึโมโต้ โดยเฉพาะบริการที่อบอุ่นและเป็นมิตร อยู่ห่างจากสถานีและท่ารถบัสมัตสึโมโต้เพียงเดินไม่ถึง 10 นาที แต่ก็ยังมีรถรับ-ส่งฟรีจากสถานีทุกๆ 10 นาทีด้วย
โรงแรมบัวนาวิสต้าและห้อง Superior Twin Room
ก่อนเริ่มวันใหม่คงไม่มีอะไรดีไปกว่าอาหารเช้าดีๆสักมื้อ ที่โรงแรมบัวนาวิสต้ามีทั้งอาหารเช้าแบบฝรั่งและแบบญี่ปุ่นเตรียมไว้ให้พร้อมเพื่อเพิ่มพลังก่อนออกเดินเที่ยว
โรงแรมอัลปิโก้พลาซ่า โรงแรมระดับมาตรฐานกับราคาที่สมเหตุสมผล บนโลเคชั่นอันแสนสะดวกสบาย ใกล้ทั้งสถานีรถไฟ ท่ารถบัส ร้านสะดวกซื้อและซุปเปอร์มาร์เก็ต
ถัดจากโรงแรมไปคือ “Matsumoto Tsunagu Yokocho” แหล่งรวมร้านอาหารและร้านอิซากายะไว้กว่า 10 ร้าน มีทั้งเมนูปิ้งย่าง ราเม็น กิวทัง(ลิ้นวัว) ซาชิมิ และอาหารท้องถิ่นมากมายให้เลือก แนะนำสำหรับนักท่องเที่ยวที่เน้นความสะดวกสบายเป็นที่สุด
09:00 ชมปราสาทมัตสึโมโต้
10:30 ลองกิจกรรมคอสเพลย์ซามูไรและฟันดาบ
13:00 รับประทานอาหารที่ถนนนากามาจิหรือนาวาเตะ
15:00 เข้าชมพิพิธภัณพ์ศิลปะเมืองมัตสึโมโต้
17:30 กลับโรงแรม พักผ่อน
18:00 รับประทานอาหารคอร์สแบบญี่ปุ่น “ไคเซะกิ”
21:00 แช่ออนเซ็นผ่อนคลายร่างกายก่อนเข้านอน
Day 1 (*สมมุติว่าเดินทางถึงมัตสึโมโต้วันก่อนหน้า)
09:30 เดินเที่ยวชมธรรมชาติในคามิโคจิ
15:15 แวะแช่น้ำพุร้อนที่ชิราโฮเนะออนเซ็น
18:30 กลับโรงแรมในตัวเมืองมัตสึโมโต้
19:00 รับประทานอาหารที่ Matsumoto Tsunagu Yokocho
Day 2
09:00 ชมปราสาทมัตสึโมโต้
10:30 ลองกิจกรรมคอสเพลย์ซามูไรและฟันดาบ
13:00 รับประทานอาหารที่ถนนนากามาจิหรือนาวาเตะ
15:00 เข้าชมพิพิธภัณพ์ศิลปะเมืองมัตสึโมโต้
17:30 กลับโรงแรม พักผ่อนก่อนเวลาอาหารเย็น
20:30 แวะจิบค็อกเทลที่บาร์ในเมืองมัตสึโมโต้
เมืองมัตสึโมโต้สามารถเดินทางไปได้อย่างสะดวกสบาย ทั้งทางรถไฟและรถบัส
ดูตารางรถบัสทั้งหมดที่ไปมัตสึโมโต้ >
ถ้าหากมี JR Pass (All area หรือ East Pass (Nagano, Niigata area)) อยู่แล้ว ก็สามารถนั่งรถไฟ JR Azusa จากชินจูกุมามัตสึโมโต้ได้เลย ใช้เวลาประมาณ 2 ชม. 40 นาที (ตั๋วเที่ยวเดียวราคา 6,620 เยน)
แต่ถ้าใครไม่มีพาส JR หรืออยากประหยัดเงิน ก็สามารถนั่งรถบัส Alpico จาก Shinjuku bus terminal มาได้ ใช้เวลาประมาณ 3 ชม. 20 นาที ราคาตั๋วขาเดียวอยู่ระหว่าง 4,100 – 4,500 เยน
ดูตารางเวลารถบัสสายชินจูกุ – มัตสึโมโต้ >
ซื้อตั๋วรถบัสสายชินจูกุ – มัตสึโมโต้ออนไลน์ >
จากนาโกย่าสามารถนั่งรถไฟ JR Shinano express ใช้เวลาประมาณ 2 ชม. (6,140 เยน) หรือนั่งรถบัส Alpico โดยใช้เวลา 3 ชม. 45 นาที (3,400 – 4,800 เยนต่อเที่ยว)
ดูตารางเวลารถบัสสายนาโกย่า – มัตสึโมโต้ >
ซื้อตั๋วรถบัสสายนาโกย่า – มัตสึโมโต้ออนไลน์ >
จากโอซาก้าไปมัตสึโมโต้ใช้เวลาประมาณ 4 ชม. โดยชินคันเซ็นและต่อรถไฟด่วน (10,800 เยนต่อเที่ยว) หากเดินทางโดยรถบัสจะมีค่าใช้จ่ายระหว่าง 4,500 – 7,300 เยนต่อเที่ยว ขึ้นอยู่กับวันเดินทางและวันที่จองตั๋วว่าจองล่วงหน้านานแค่ไหน
รถบัสสายนี้มีรอบที่วิ่งกลางคืนด้วย แนะนำสำหรับผู้ที่ต้องการประหยัดเวลาในการเดินทาง
ดูตารางเวลารถบัสสายโอซาก้า – มัตสึโมโต้ >
ซื้อตั๋วรถบัสสายโอซาก้า – มัตสึโมโต้ออนไลน์ >
จากนากาโนะไปมัตสึโมโต้ สามารถนั่งรถไฟ JR สาย Shinonoi Line (1,170 เยน / 1 ชม. 15 นาที) หรือรถบัส Alpico ก็ได้ (1,600 เยน / 1 ชม. 15 นาที) แต่รถบัสสายนี้ให้บริการแค่วันธรรมดาเท่านั้น
ดูตารางเวลารถบัสสายนากาโนะ – มัตสึโมโต้ >
(รถบัสสายนี้ไม่ต้องจองตั๋วล่วงหน้า)
ระหว่างทาคายามะกับมัตสึโมโต้มีรถบัส Alpico และ Nohi ให้บริการวันละ 4 เที่ยวไปกลับ (3,500 เยน / 2 ชม. 30 นาที)
ดูตารางเวลารถบัสสายทาคายามะ – มัตสึโมโต้ >
(รถบัสสายนี้ไม่ต้องจองตั๋วล่วงหน้า)
สถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่ในมัตสึโมโต้ เช่น ปราสาทมัตสึโมโต้ โรงเรียนเก่าไคจิ ถนนนาวาเตะ/นากามาจิ และพิพิธภัณฑ์ศิลปะเมืองมัตสึโมโต้ อยู่ในระยะทางไม่ไกลกันมาก สามารถเดินเที่ยวได้โดยรอบ แต่ก็สามารถยืมจักรยานหรือขึ้นรถบัส Town Sneaker เพื่อชมเมืองก็ได้เช่นกัน
ส่วนหมู่บ้านออนเซ็น เช่น อุสึกุชิกาฮาระออนเซ็นและอาซามะออนเซ็น สามารถเดินทางไปได้ด้วยรถบัส Alpico โดยขึ้นรถบัสได้ที่ท่ารถบัสมัตสึโมโต้ตรงข้ามกับสถานีรถไฟ JR มัตสึโมโต้ ใช้เวลาเดินทางเพียงประมาณ 20 นาทีก็ถึงออนเซ็นทั้ง 2 แห่ง
สถานที่ท่องเที่ยวในแถบภูเขา เช่น คามิโคจิและชิราโฮเนะออนเซ็น อยู่ห่างออกไปจากตัวเมือง สามารถเดินทางไปได้ด้วยรถไฟสาย Kamikochi และไปต่อรถบัสที่สถานี Shin-Shimashima ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม. 30-45 นาที
อ่านเพิ่มเติม:
วิธีการเดินทางจากมัตสึโมโต้ไปคามิโคจิโดยรถบัส
สุดท้าย หากใครที่กำลังวางแผนเที่ยวทั้งคามิโคจิ มัตสึโมโต้และสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง เช่น โนริคุระ ทาคายามะ ชินโฮทากะโรปเวย์ แนะนำให้เช็คพาสรถบัสด้านล่างด้วย นอกจากจะสะดวกสบาย ใช้ยื่นให้คนขับดูแล้วขึ้นรถบัสได้เลย ยังประหยัดค่ารถบัสกว่าการซื้อตั๋วเป็นเที่ยวๆด้วย (*ขึ้นอยู่กับแผนเที่ยวด้วย)
พาสรถบัส 2-Day Free Passport >
พาสรถบัส 4-Day Alps WIDE Free Passport >
พาสรถบัส Alps Crossing Ticket >