สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุดในมัตสึโมโต้คงจะหนีไม่พ้น “ปราสาทมัตสึโมโต้” หรือที่เรียกกันเล่นๆว่า “ปราสาทอีกาดำ” เป็นเวลานานกว่า 80 ปีมาแล้วที่ปราสาทแห่งนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเพียงแห่งเดียวของมัตสึโมโต้ที่ได้รับเลือกให้เป็นสมบัติของชาติ แต่เมื่อเดือนกันยายนของปี 2019 นี่เอง ที่ทำให้ชาวเมืองได้ชื่นชมยินดีอีกครั้ง เมื่อ ”โรงเรียนเก่าไคจิ” (Former Kaichi School) ได้รับการรับรองให้เป็นสมบัติของชาติแห่งที่ 2 ถัดจากปราสาทมัตสึโมโต้
นอกจากตำแหน่งสมบัติของชาติแล้ว โรงเรียนเก่าไคจิยังได้รับเลือกให้เป็นสมบัติทางวัฒนธรรมที่มีความสำคัญยิ่งด้วย โรงเรียนแห่งนี้สร้างขึ้นครั้งแรกในปี 1873 ข้างๆแม่น้ำเมะโตะบะ (Metoba) ต่อมาก็ได้สร้างขึ้นใหม่อีกครั้งในปี 1876 ในการสร้างขึ้นใหม่ครั้งหลังนี่เองที่ทำให้โฉมหน้าของโรงเรียนเปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง เป็นการก่อสร้างในสไตล์ผสมผสานกับสถาปัตยกรรมแบบตะวันตก เรียกว่า “กิโยฟู” โดยมีต้นแบบมาจาก โรงเรียนโตเกียวไคเซ (Tokyo Kaisei School) ซึ่งก็คือมหาวิทยาลัยโตเกียวในปัจจุบัน
เหตุผลที่ทำให้โรงเรียนไคจิได้รับเลือกให้เป็นสมบัติของชาติ เป็นเพราะว่าอาคารแห่งนี้เป็นตัวแทนสัญลักษณ์ที่ตกทอดมาของวัฒนธรรมญี่ปุ่นในช่วงที่กำลังปรับตัวพัฒนาประเทศให้ทันชาติตะวันตกในต้นยุคเมจิ (ยุคเมจิปี 1868-1911) ในตอนนั้นมีความต้องการสร้างอาคารใหม่ๆให้เป็นไปแบบตะวันตก แต่แน่นอนว่าญี่ปุ่นเพิ่งจะเปิดประเทศ นายช่างทั้งหลายซึ่งล้วนแต่ไม่เคยสร้างอาคารแบบฝรั่งกันมาก่อน จึงต้องเดินทางไปเมืองท่าและเมืองใหม่ที่พัฒนาไปก่อนแล้ว ได้แก่ โตเกียว โยโกฮาม่า โอซาก้าและโกเบเพื่อศึกษารูปแบบการสร้างอาคารสมัยใหม่ โดยนำมาเลียนแบบและประยุกต์กับเทคนิคที่มีอยู่เดิม ทำให้สามารถพบเห็นอาคารที่ดูญี่ปุ่นก็ไม่ใช่ จะว่าฝรั่งก็ไม่เชิงแบบนี้อยู่ทั่วไปในประเทศญี่ปุ่น
ที่หน้าบันของอาคารด้านหน้า จะเห็นรูปปั้นนูนต่ำรูปนางฟ้าจากอิทธิพลจากตะวันตก และมังกรซึ่งเป็นสัตว์ในตำนานของญี่ปุ่นและประเทศในแถบเอเชียตะวันออกแต่โบราณ
นอกจากนี้ มุมด้านนอกทั้ง 4 ของอาคารยังมองเป็นรอยหยักราวกับใช้หินมาวางซ้อนๆกันเหมือนกับ cornerstone ของอาคารแบบฝรั่ง แต่ความจริงแล้วเป็นการเลียนแบบของช่างชาวญี่ปุ่น โดยการทาสีเทาลงบนผนังปูนขาวให้ดูเหมือนเป็นหินจริงๆ
.
ทางเข้าโรงเรียนไคจิจะอยู่ที่อาคารเล็กๆทางด้านขวา ต้องถอดรองเท้าและเปลี่ยนไปใส่รองเท้าที่เตรียมไว้ให้ก่อนจะเข้าไป
ด้านบนคือสภาพห้องเรียนที่ใช้ในการเรียนการสอนเมื่อประมาณ 100 ปีก่อน จะว่าไปก็ไม่ค่อยต่างกับโรงเรียนของเราตอนสมัยเด็กๆเท่าไหร่เลย เพียงแต่ไม่มีเปียโนกับแท่นยืนสอนของคุณครูเท่านั้น อ้อ! แล้วก็รู้สึกว่ากระดานดำจะใหญ่กว่านี้นะ
ด้านบนคือภาพเด็กนักเรียนโรงเรียนไคจิกำลังเรียนหนังสือกันอย่างแข็งขัน โรงเรียนไคจิมี 2 ชั้น ประกอบด้วยห้องเรียน 16 ห้อง หลายๆห้องแสดงสภาพห้องเรียน เฟอร์นิเจอร์ รูปภาพและอุปกรณ์การเรียนการสอนในอดีต โรงเรียนแห่งนี้ถูกใช้เป็นทั้งโรงเรียนประถม โรงเรียนมัธยมต้น โรงเรียนหญิงล้วน และยังใช้เป็นวิทยาลัยเทคนิคด้วย เพราะฉะนั้นสิ่งที่นำมาจัดแสดงจึงค่อนช้างมีความหลากหลายมาก
ห้องปาฐกถาบนชั้น 2 มีของจัดแสดงอยู่หลายอย่าง หน้าต่างถูกปิดไว้เพื่อให้สามารถชมสีสันสวยงามของกระจกสี
ใครพอจะเดาออกบ้างว่า นี่คือหนังสือเรียนวิชาอะไร (คำใบ้: อุปกรณ์ในรูปถัดไปมักจะถูกใช้ในวิชาเดียวกัน)
ในห้องจัดแสดงห้องหนึ่งบนชั้นสอง มีมุมให้ลองจับข้าวของในอดีตด้วย เช่น หมวก รองเท้า หนังสือ เป็นต้น
เป็นเวลากว่า 90 ปี ตั้งแต่เปิดจนถึงปี 1963 โรงเรียนเก่าไคจิได้ถูกใช้เป็นสถานที่ให้การศึกษาของเด็กๆเมืองมัตสึโมโต้ หลังจากนั้นตัวอาคารจึงถูกย้ายมาที่สถานที่ในปัจจุบัน และเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์โรงเรียนในปี 1965 ปัจจุบันได้มีการเปิดโรงเรียนไคจิแห่งใหม่ขึ้น ตั้งอยู่ด้านหน้าโรงเรียนเรียนไคจิแห่งเดิม
ป้ายรถบัส Kyukaichigakko (Former Kaichi School) เมื่อลงจากป้ายรถบัส ก็จะเห็นอาคารโรงเรียนเลย
ขึ้นรถบัสทาวน์สนีกเกอร์ (สาย North) จากสถานีมัตสึโมโต้ (Castle Exit) นั่งประมาณ 17 นาที และลงที่ป้าย Kyukaichigakko (Former Kaichi School) ในวันจันทร์-ศุกร์รถบัสสายนี้จะออกจากสถานีทุกๆ 30 นาที และในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์จะออกทุกๆ 20 นาที รถบัสคันแรกออกเวลา 8:30 น. คันสุดท้ายเวลา 17:15 น.
ราคาค่าโดยสาย 200 เยนต่อการขึ้น 1 ครั้ง แต่หากซื้อเป็นพาส Town Sneaker One-Day Bus Ticket ในราคา 500 เยน (เด็ก 250 เยน) จะสามารถขึ้นรถบัสทาวน์สนีกเกอร์กี่รอบก็ได้ พาสนี้สามารถใช้เป็นส่วนลดค่าเข้าชมสถานที่ต่างๆ รวมโรงเรียนไคจิและปราสาทมัตสึโมโต้ได้ด้วย สามารถซื้อพาสได้ที่ท่ารถบัสมัตสึโมโต้หรือบนรถบัสทาวน์สนีกเกอร์ก็ได้
ส่วนวิธีการเดินทางมามัตสึโมโต้ สามารถตรวจสอบตารางเวลาและจองตั๋วออนไลน์ได้จากลิงค์ด้านล่างเลยค่ะ