บล็อกพาเที่ยว

(อัพเดตปี 2023) คู่มือแนะนำเที่ยวคามิโคจิฉบับเต็ม (เที่ยวเมื่อไหร่ เดินทางยังไง เปิดปิดเมื่อไหร่ เดินเที่ยวยังไง)

เขียนโดย ALPICO GROUP - 26 ต.ค. 2024, 10:03:07

บทความรวมข้อมูลที่จำเป็นและควรรู้ก่อนไปสำหรับผู้ที่กำลังวางแผนไปเที่ยวคามิโคจิ ครอบคลุมคำถามที่พบบ่อยและทิปส์ในการท่องเที่ยว

 

คามิโคจิอยู่ที่ไหนในญี่ปุ่น

คามิโคจิคือหุบเขาสวยงามในจังหวัดนากาโนะ ตั้งอยู่บนความสูงประมาณ 1,500 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ด้วยตำแหน่งที่ตั้งที่อยู่กึ่งกลางระหว่างเมืองมัตสึโมโต้และทาคายามะ ทำให้คามิโคจิเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในการเที่ยวแบบไปเช้า-เย็นกลับจากเมืองทั้ง 2 แห่ง หากดูแผนที่ก็จะสังเกตได้ว่า คามิโคจินั้นยังอยู่กึ่งกลางระหว่างเมืองนาโกย่าและโตเกียวเป็นระยะทางพอๆกันด้วยจึงใช้เวลาในการเดินทางพอๆกัน แต่เนื่องจากมีรถบัสตรงวิ่งไปคามิโคจิจากโตเกียวมากกว่าจึงทำให้การเดินทางจากฝั่งโตเกียวสะดวกสบายกว่าเล็กน้อย

สิ่งที่ต้องรู้ก่อนไปคามิโคจิ

ช่วงเวลาเปิด-ปิดอุทยาน

คามิโคจิเปิดให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไปในท่องเที่ยวในระยะเวลาที่กำหนด คือตั้งแต่วันที่ 17 เมษายน จนถึง 15 พฤศจิกายน หากไม่มีเหตุการณ์ผิดปกติอะไร ก็จะใช้กำหนดการนี้ในทุกๆปี เหตุผลในการปิดอุทยานในช่วงหน้าหนาวก็เพราะหิมะที่ตกหนักและเพื่อเป็นการให้ธรรมชาติได้ฟื้นฟูจากการมาเยือนของนักท่องเที่ยวด้วย ช่วงระยะเวลาที่อุทยานปิดในฤดูหนาว ทั้งโรงแรม ร้านค้า รวมถึงรถบัสที่ไปคามิโคจิก็จะหยุดให้บริการด้วย วิธีเดียวที่จะไปเข้าไปในคามิโคจิในฤดูหนาวก็คือจะต้องเดินสโนว์ชูส์เข้าไปด้วยตัวเอง

ห้ามรถส่วนตัวเข้าคามิโคจิ

เพื่อเป็นการลดมลพิษ รักษาสภาพแวดล้อมและจัดระเบียบการจราจร จึงมีนโยบายห้ามนำรถยนต์ส่วนตัวเข้าไปในอุทยาน สำหรับคนที่คิดจะเดินทางด้วยการขับรถเช่า จำเป็นต้องจอดรถไว้ด้านนอกอุทยานและนั่งรถบัสต่อเข้าไปเท่านั้น หากมาจากฝั่งมัตสึโมโต้ให้จอดรถที่สะวันโดะ (Sawando) และถ้าหากมาจากฝั่งทาคายามะให้จอดรถที่อะคันดะนะ (Akandana)

ดูตารางรถบัสสาย Sawando – Kamikochi >
ดูตารางรถบัสสาย Akandana – Kamikochi >

โรงแรมที่พักและที่ตั้งเต็นท์

ราคาที่พักภายในอุทยานค่อนสูง มีราคาตั้งแต่ 10,000 กว่าเยนไปจนถึง 60,000 เยน แต่หากใครมีกำลังทรัพย์ แนะนำให้พักค้างคืนในคามิโคจิสักหนึ่งคืน เพื่อที่จะได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศธรรมชาติอย่างเต็มที่ นอกจากที่กลางคืนจะได้ดูดาวสวยๆแล้ว ตอนเช้าตื่นมายังได้เดินเล่นสูดอากาศให้เต็มปอดโดยที่ยังไม่มีนักท่องเที่ยวเดินคลาคล่ำ

แต่หากมีงบจำกัดก็สามารถเลือกตั้งแคมป์หรือนอนบังกาโลที่ที่ตั้งแคมป์โคะนาชิไดระ (Konashi-daira Campsite) ก็ได้ ที่ตั้งแคมป์แห่งนี้อยู่ใกล้กับท่ารถบัสคามิโคจิที่สุด (เดิน 8 นาที)

ถ้าคุณกำลังมองหาที่พักบรรยากาศเงียบสงบที่สามารถแช่ออนเซ็นธรรมชาติภายได้ จากโรงแรมที่พักกว่า 30 แห่งในคามิโคจิ ขอแนะนำโรงแรมคามิโคจิเลอมิเอสต้า (Kamikochi Lemeiesta Hotel) นอกจากออนเซ็นอุ่นๆ ก็ยังมีอาหารเย็นอร่อยๆซึ่งมีไฮไลต์คือเนื้อวัวย่างแล่บางราดด้วยซอสสูตรพิเศษกับวาซาบิด้วย

หนึ่งในโรงแรมที่ดีที่สุดสำหรับการถ่ายดาว จัดอันดับโดย Nikkei Newspaper (ปี2017)

นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งทางเลือก คือเลือกพักโรงแรมในตัวเมืองมัตสึโมโต้หรือทาคายามะ และไปเที่ยวคามิโคจิแบบไปเช้า-เย็นกลับ ซึ่งมีตัวเลือกโรงแรมมากมายหลายระดับ สามารถประหยัดค่าโรงแรมไปได้มากทีเดียว

 

ที่พักแนะนำในเมืองมัตสึโมโต้


ข้อห้ามและสิ่งที่ควรทำ

สิ่งที่ควรทำ:

  • นำขยะกลับออกไปทิ้งนอกอุทยาน
  • พกกระดิ่งติดตัวขณะเดินเที่ยว สำหรับเอาไว้ป้องกันหมี
  • ยื่นแผนการเดินป่า (สำหรับคนที่ปีนเขา)
  • จ่ายค่าบำรุงรักษาเมื่อใช้ห้องน้ำสาธารณะ (100 เยน ไม่มีเงินทอน)

สิ่งที่ห้ามทำ:

  • ห้ามเข้าใกล้และให้อาหารสัตว์ป่า
  • ห้ามเดินออกนอกทางเดินที่อุทยานจัดไว้ให้
  • ห้ามใช้โดรน
  • ทิ้งเศษอาหารที่รับประทานเหลือ เพราะจะทำให้สัตว์ป่าออกมาบ่อยขึ้น

ช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่ควรไปคามิโคจิ

คามิโคจิเต็มไปด้วยธรรมชาติที่สวยงาม ซึ่งจะเปลี่ยนโฉมหน้าให้เราเห็นแตกต่างกันไปในแต่ละฤดู ทำให้ต้องอยากกลับมาคามิโคจิอีกครั้งในฤดูอื่นๆ ดังนั้นจึงไม่มีคำตอบที่แน่นอนว่าช่วงไหนคือช่วงที่ “ดีที่สุด” แล้วแต่ความชอบส่วนบุคคล แต่เรามีรูปมาให้ดูกันว่าคามิโคจิในแต่ละฤดูเป็นอย่างไรค่ะ

ฤดูใบไม้ผลิ

บรรยากาศฤดูใบไม้ผลิในคามิโคจิค่อนข้างแตกต่างจากในตัวเมืองตั้งแต่คามิโคจิเริ่มเปิดอุทยานไปจนถึงต้นเดือนพฤษภาคม ภายในอุทยานอาจจะยังมีหิมะหลงเหลือบนพื้นอยู่บ้างเล็กน้อย อุณหภูมิช่วงกลางวันอาจจะลดต่ำลงไปถึงเลขตัวเดียวได้ ให้ความรู้สึกเหมือนช่วงปลายฤดูหนาวมากกว่า โดยเฉพาะวันไหนที่ท้องฟ้ามืดครึ้ม สิ่งหนึ่งที่ควรรู้ก็คือในช่วง 1- 2 สัปดาห์หลังเปิดอุทยาน ร้านค้าและโรงแรมบางแห่งจะยังไม่เปิดบริการ

ต้นฤดูใบไม้ผลิ - 27 เมษายน


ต้นฤดูใบไม้ผลิ - 30 เมษายน

หลังจากช่วงวันหยุดโกลเด้นวีค ต้นไม้ใบหญ้าจะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเขียวสดพร้อมๆกับอุณหภูมิที่อบอุ่นขึ้น อุณหภูมิระหว่างวันอาจจะเปลี่ยนแปลงขึ้นลงได้ แต่ส่วนใหญ่จะเย็นสบาย ไม่ร้อนไม่หนาวมาก เหมาะกับการเดินเล่น นอกจากนี้ยังเป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นไม่ค่อยเที่ยวกัน จึงเป็นอีกหนึ่งช่วงที่เวลาที่น่ามาเที่ยวคามิโคจิ


ช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิหลังโกดเด้นวีค - 20 พฤษภาคม

 

ฤดูร้อน

ฤดูร้อนในคามิโคจิเริ่มตั้งแต่ช่วงเดือนกรกฎาคมไปจนถึงกลางเดือนกันยายน โดยทั่วไปแล้วที่คามิโคจิจะมีอุณหภูมิต่ำกว่าที่โตเกียวประมาณ 5-10 องศาเซลเซียส ทำให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวหลบร้อนยอดนิยมของชาวญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังเป็นฤดูกาลแห่งการปีนเขาอีกด้วย คนที่มีวันหยุดยาวในช่วงหน้าร้อนญี่ปุ่น แนะนำให้มาที่คามิโคจิแล้วคุณจะไม่ผิดหวัง อย่างไรก็ตามควรที่จะหลีกเลี่ยงช่วงวันหยุดโอบ้ง (11-16 สิงหาคม) เพราะเป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวมาเที่ยวกันมากที่สุดในรอบปีพอๆกับช่วงโกลเด้นวีคเลย

ฤดูร้อน – 15 กันยายน

ฤดูใบไม้ร่วง

ฤดูใบไม้ร่วงเป็นหนึ่งช่วงฤดูกาลยอดนิยมที่คนชอบมาเที่ยวคามิโคจิ ช่วงพีคของใบไม้เปลี่ยนสีอยู่ประมาณกลางเดือนตุลาคม อย่างไรก็ตามช่วงชมใบไม้เปลี่ยนสีของแต่ละปีจะเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพอากาศในปีนั้นๆ บางปีอาจจะเข้าสู่ฤดูใบไม้เปลี่ยนสีเร็ว ช่วงพีคก็อาจจะมาเร็วตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมเลยก็ได้ นอกจากนี้ช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคมยังเป็นช่วงที่ญี่ปุ่นมีพายุไต้ฝุ่นเข้าบ่อย ต้องเช็คข่าวสภาพอากาศดีๆด้วย

สัญลักษณ์แห่งฤดูใบไม้ผลิของคามิโคจิคือต้นสนคะระมัตสึ (white-birch) ซึ่งจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองไปจนถึงต้นเดือนพฤศจิกายน เมื่อเข้าสู่เดือนพฤศจิกายน สภาพอากาศจะเริ่มคงที่ไม่ค่อยแปรปรวนแล้ว นอกจากจะยังพอเห็นใบไม้เปลี่ยนสี ยังไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวเท่าไหร่ จึงเป็นอีกหนึ่งช่วงที่น่าเที่ยวของคามิโคจิหากสภาพอากาศเป็นใจ

ต้นฤดูใบไม้ผลิ – 3 ตุลาคม


ฤดูใบไม้ผลิ – 25 ตุลาคม

 


ปลายฤดูใบไม้ผลิ – 3 พฤษภาคม

ฤดูหนาว

อย่างที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น คามิโคจิจะปิดอุทยานไม่ให้คนเข้าไปในช่วงฤดูหนาว วิธีเดียวที่จะเข้าไปได้ก็คือเดินเท้าเข้าไปด้วยตัวเอง ซึ่งจะต้องยื่นแบบฟอร์มเข้าอุทยานช่วงหน้าหนาวก่อนเข้าไป และไม่ควรที่จะเข้าไปเอง ควรที่จะต้องมีไกด์ท้องถิ่นไปด้วย ซึ่งตามปกติไกด์ก็จะช่วยดำเนินการยื่นแบบฟอร์มดังกล่าวให้

ฤดูหนาว – 13 มีนาคม

 

สภาพอากาศและการแต่งตัว

สภาพอากาศบนภูเขานั้นแตกต่างจากภายในตัวเมือง ควรเช็คสภาพอากาศและเตรียมตัวให้ดีก่อนออกเดินทางทุกครั้ง

อุณหภูมิเฉลี่ยสูงสุดและต่ำสุดในแต่ละเดือน (เซลเซียส)

การเที่ยวคามิโคจิควรแต่งตัวแบบ layering ซึ่งจะทำให้เราสามารถถอดและใส่เสื้อให้เข้ากับอุณหภูมิและสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาได้ ด้านล่างเราจะแนะนำว่าเราจะแต่งกายอย่างไรในแต่ละเดือน อย่างไรก็ตามเป็นคำแนะนำสำหรับคนที่จะเดินเที่ยวอยู่แต่ในพื้นที่ราบของคามิโคจิจากบึงไทโชไปบึงเมียวจินเท่านั้น หากต้องการจะเดินไปไกลกว่านั้น ควรจะต้องเตรียมเสื้อผ้าสำหรับการเดินเขาโดยเฉพาะ

  • ต้นเม.ย.  ต้นพ.ค.: ช่วงกลางวันอย่างน้อยควรจะสวมเสื้อผ้าฟลีซ มีเสื้อนอกเป็นดาวน์หรือเนื้อผ้าที่ให้ความอบอุ่นใกล้เคียงกัน สวมถุงมือ ผ้าพันคอ สามารถแต่งตัวเหมือนช่วงปลายหน้าหนาวได้

  • ปลายพ.ค.  ต้นมิ.ย.: ถึงแม้ว่าอากาศจะค่อนข้างอบอุ่น แต่อุณหภูมิระหว่างกลางวันและกลางคืนอาจจะขึ้นลงแตกต่างกันมาก เสื้อกันลมเป็นสิ่งที่จำเป็น และต้องสวมถุงมือและดาวน์หรือเสื้อนอกที่ให้ความอบอุ่นเวลาที่ออกไปเดินเล่นในช่วงเช้าและกลางคืน

  • มิ.ย.  ต้นก.ค.: ช่วงนี้เป็นหน้าฝน นอกจากเสื้อกันลม ควรที่จะเตรียมเสื้อกันฝนหรือร่มติดตัวไปด้วย

  • ปลายก.ค.  ส.ค.: อากาศเย็นสบายเมื่ออยู่ใต้ร่มไม้ สามารถใส่เสื้อแขนยาวหรือแขนสั้นก็ได้ แต่ควรที่จะมีเสื้อคลุมกันลมพกติดตัวไปด้วย

  • ก.ย.: อากาศค่อยๆเริ่มเย็นลง แนะนำให้พกเสื้อฟลีซหรือเสื้อกันหนาวสเวตเตอร์ไปด้วย ในตอนเช้าช่วงต้นเดือนอุณหภูมิอาจจะลดต่ำกว่า 10 องศาได้ แต่อาจจะยิ่งลดต่ำไปอีกในช่วงปลายเดือน อาจจะต่ำกว่า 5 องศาได้เลยในตอนเช้า

  • ต้นต.ค.: สวมเสื้อฟลีซ ควรเตรียมผ้าพันคอ ถุงมือไปด้วย ในตอนเช้าตรู่และกลางคืนอากาศหนาวเย็นควรเตรียมเสื้อนอกเช่นดาวน์ไปด้วย

  • ปลายต.ค.  ต้นพ.ย.: แต่งตัวเหมือนอยู่ในฤดูหนาว สวมดาวน์หรือเสื้อที่มีเนื้อผ้าที่ให้ความอบอุ่นใกล้เคียง ผ้าพันคอและถุงมือ

เส้นทางแนะนำสำหรับเดินในคามิโคจิ (มีแผนที่)

เส้นทางเดินที่แนะนำคือตั้งแต่บึงไทโชไปจนถึงมึงเมียวจิน โดยแวะผ่านที่สะพานคัปปะ เส้นทางนี้ส่วนใหญ่เป็นทางราบ มีเนินขึ้นลงเพียงเล็กน้อย ผู้ใหญ่ที่สุขภาพแข็งแรงทุกคนสามารถเดินได้ไม่มีปัญหา ผู้สูงอายุและเด็กเล็กอาจจะรู้สึกเหนื่อยระหว่างทางได้ ในกรณีนี้สามารถแวะพักที่สะพานคัปปะ แล้วค่อยตัดสินใจว่าจะเดินต่อไปหรือไม่ก็ได้ ระยะทางครึ่งหลังจากสะพานคัปปะไปบึงเมียวจินจะเดินยากกว่าครึ้งแรกเล็กน้อย สามารถสวมรองเท้าผ้าใบเดินได้ แต่ถ้าใครมีรองเท้าสำหรับเดินป่าก็จะเดินได้สบายกว่า

 

  • ระยะทาง: ประมาณ 9.2 ก.ม.
  • ระยะเวลา: ประมาณ 3 ชั่วโมง (ไม่รวมเวลาพักและถ่ายรูป)
  • ความชัน: 30 เมตร (บึงไทโช 1,490 ม. – บึงเมียวจิน 1,520 ม.
  • เส้นทาง: บึงไทโช > บึงทะชิโระ > สะพานโฮทากะ/ทะชิโระ > สะพานคัปปะ > บึงเมียวจิน > สะพานคัปปะ > ท่ารถบัสคามิโคจิ

วิธีเดิน แนะนำให้ลงรถบัสที่ป้ายบึงไทโช (K-29 Taisho Pond) และเดินไปตามทางเดินของอุทยานตามลำดับบนแผนที่ด้านบน หรือไม่ก็ลงรถบัสที่ท่ารถบัสคามิโคจิแล้วเดินย้อนขึ้นไปบึงเมียวจิน แล้วเดินกลับลงมาที่บึงไทโชเพื่อขึ้นรถบัสกลับก็ได้

ร้านค้าและร้านอาหาร

ร้านสะดวกซื้อมีอยู่ทั่วทุกหัวถนนในประเทศญี่ปุ่น แต่ที่คามิโคจิ เราจะไม่พบเซเว่น ลอว์สัน แฟมิลี่มาร์ทแม้เพียงร้านเดียว ร้านสะดวกซื้อที่อยู่ใกล้ที่สุดอยู่ห่างออกไปเดิน 5 นาทีจากสถานีชินชิมะชิมะ

ร้านอาหารและร้านขายของฝากที่ข้างๆท่ารถบัสคามิโคจิ

 

ภายในอุทยานมีร้านค้าทั้งที่บริเวณท่ารถบัส สะพานคัปปะ และภายในศูนย์นักท่องเที่ยว แต่จะขายของฝากและอุปกรณ์เกี่ยวกับการปีนเขาเป็นส่วนใหญ่ ส่วนร้านอาหารจะอยู่มีทั้งที่สะพานและที่ท่ารถ ขายอาหารท้องถิ่นอร่อยๆในราคาหลากหลายแตกต่างกันไป โรงแรมส่วนใหญ่เปิดให้บริการร้านอาหารในช่วงมื้อกลางวันให้กับแขกที่ไม่ได้เข้าพักด้วย

ข้าวหน้าปลาแซลม่อนกับปลาไหล มีจำหน่ายที่ร้านอาหารบนชั้น 2 ของท่ารถบัส (ข้อมูลปี 2018)

 

ถ้าหากต้องการหลีกเลี่ยงฝูงชน สามารถซื้อข้าวกล่องหรืออาหารไปกินตามจุดต่างๆในคามิโคจิได้ด้วย เพียงแต่ต้องเตรียมถุงพลาสติกเพื่อนำขยะกลับออกมาทิ้งนอกอุทยานด้วย

สถานที่ท่องเที่ยวแนะนำใกล้เคียง

รอบๆคามิโคจิมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจมากมาย แทนที่จะเดินทางข้ามไปจังหวัดไกลๆ ลองมาเที่ยวสถานที่นอกสายตาเหล่านี้บ้างมั๊ยคะ?

โนริคุระ

โนะริคุระแบ่งออกเป็น 2 บริเวณใหญ่ๆ คือ 1. บริเวณที่ราบสูงโนะริคุระ (Norikura Kogen / Norikura Highlands) และ 2. ยอดเขาโนะริคุระ ทาตามิไดระ (Mt. Norikura Tatamidaira) ที่โนะริคุระเต็มไปด้วยบ่อออนเซ็นและธรรมชาติที่สวยงาม ซึ่งถ้าคุณประทับใจกับคามิโคจิ ก็น่าที่จะตกหลุมรักโนะริคุระได้ไม่ยาก

 

อ่านเพิ่มเติม:

มัตสึโมโต้

มัตสึโมโต้คือเมืองแห่งปราสาทอีกาดำและบ้านเกิดของศิลปินก้องโลก “ยาโยอิ คุซามะ” อยู่ห่างจากคามิโคจิเพียง 1 ชั่วโมงครึ่ง นอกจากธรรมชาติที่สวยงามของคามิโคจิ ก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศษสตร์และวัฒนธรรมให้ชมอีกมากมาย

 

อ่านเพิ่มเติม:

 

ชิราโฮเนะออนเซ็น

ชิราโฮเนะคือหนึ่งในออนเซ็นลับที่มากับประวัติศาสตร์ยาวนานตั้งแต่ยุคคามาคุระ (ค.ศ. 1185-1333) สิ่งที่พิเศษของบ่อน้ำพุร้อนแห่งนี้คือ น้ำแร่สีขาวขุ่นราวกับน้ำนม หนึ่งในที่พักที่นี่ยังมีบ่ออนเซ็นแบบดั้งเดิม ซึ่งสามารถแช่รวมกันชายหญิงได้ด้วย นับว่าเป็นประสบการณ์ที่น่าลองสำหรับผู้ที่ใจกล้าและไม่เขินอาย

ทาคายามะ

 

ทาคายามะเป็นที่รู้จักในอีกชื่อหนึ่งคือ “ลิตเติ้ลเกียวโต” เมืองแห่งนี้เป็นเมืองเก่าที่ได้รับการอนุรักษ์เป็นอย่างดี ให้บรรยากาศประเทศญี่ปุ่นในวันวาน นอกจากเมืองที่สวยงาม ซึ่งที่ต้องลองเมื่อมาที่นี่ก็คือ “เนื้อวัวฮิดะ” ที่ทั้งนุ่มและชุ่มฉ่ำ ถูกใจคอเนื้อย่างเป็นอย่างยิ่ง

หมู่บ้านชิราคาว่าโกะ

หมู่บ้านชิราคาว่าโกะอยู่ห่างออกไปเพียง 1 ชั่วโมงจากทาคายามะ ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในมรดกโลกด้วยสถาปัตยกรรม “สไตล์กัชโช” อันเป็นเอกลักษณ์ ถึงแม้ว่าจะเป็นที่นิยมท่องเที่ยวในฤดูหนาว โดยเฉพาะช่วงที่มีเทศกาลประดับไฟ แต่ความจริงแล้วในฤดูอื่นก็สวยงามไม่แพ้กันเลย

ชินโฮทากะโรปเวย์

อยากเดินทางไปยืนบนความสูงเทียมเมฆโดยไม่ต้องเสียเหงื่อเพียงสักหยด? ชินโฮทากะโรปเวย์จะพาคุณเดินทางวาร์ปขึ้นไปบนความสูงกว่า 2,150 เมตร ในเพียงพริบตา จากบนนั้นสามารถความยิ่งใหญ่ของเทือกเขาโฮทากะได้แบบพาโนราม่า

ทิปส์ สถานที่ที่กล่าวมาข้างต้นทั้งหมด สามารถดินทางไปได้โดยพาสรถบัส 4-Day Alps WIDE Free Passport Ticket.

การเดินทางไปคามิโคจิ

คามิโคจิเป็นหนึ่งในอุทยานแห่งชาติที่เดินทางไปได้ง่ายและสะดวกสบายที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ด้วยเครือข่ายเส้นทางรถบัสมากมาย ซึ่งให้บริการโดยรถบัส Alpico เป็นหลัก

 

การเดินทางไปคามิโคจินั้นง่ายและสะดวกสบายมากขึ้นด้วยเส้นทางรถบัสอัลปิโก้ที่วิ่งตรงจากเมืองใหญ่ต่างๆ

จากมัตสึโมโต้ไปคามิโคจิ

เมืองมัตสึโมโต้เป็นเมืองที่สำคัญในการตั้งต้นเดินทางไปคามิโคจิ จากสถานี JR มัตสึโมโต้ ชานชาลาหมายเลข 7 นั่งรถไฟสายคามิโคจิ (Kamikochi line) เป็นเวลา 30 นาทีไปลงที่ปลายทางสถานีชินชิมะชิมะ (Shin-Shimashima) หลังจากนั้นก็เปลี่ยนไปนั่งรถบัสต่ออีกประมาณ 1 ชั่วโมงก็จะถึงคามิโคจิ รอบรถไฟและรถบัสมีค่อนข้างถี่ทุกๆชั่วโมง

*รถไฟจากมัตสึโมโต้ไปชินชิมะชิมะไม่ครอบคลุมอยู่ในพาส JR ทุกประเภท

นอกจากนี้ยังมีรอบรถบัสตรงไปคามิโคจิเป็น 2 รอบ เป็นรถบัสเที่ยวพิเศษเรียกว่า “National Park Liner” ออกเดินทางจากท่ารถบัสมัตสึโมโต้เวลา 5:30 และ 10:15 น. (รถบัสตรงมีเฉพาะขาไป ขากลับไม่มีให้บริการ)

อ่านวิธีการเดินทางและการซื้อตั๋วโดยละเอียดได้ที่บทความด้านล่าง
(อัพเดตปี 2023) วิธีการเดินทางจากมัตสึโมโต้ไปคามิโคจิโดยรถบัส

ดูตารางเวลารถบัสสายมัตสึโมโต้ – คามิโคจิ >

“รถไฟสายคามิโคจิ” หรือรู้จักกันอีกชื่อหนึ่งคือมัตสึโมโต้เด็นเทะสึ (Matsumoto Dentetsu Line)

จากโตเกียวไปคามิโคจิ

ใครที่ไม่อยากนั่งรถไฟต่อรถบัสให้วุ่นวายก็สามารถนั่งรถบัสตรงไปคามิโคจิได้ จากเขตโตเกียวมีรถบัสให้บริการทั้งหมด 4 สาย

รถบัสออกเดินทางจากสถานีโตเกียวและจากท่ารถบัสชินจูกุ (Shinjuku Expressway Bus Terminal) 2 รอบ คือ รอบกลางดึกและรอบเช้า ซึ่งรถบัสรอบกลางคืนจะใช้เวลาเดินทางนานกว่ารอบเช้า เพื่อที่จะได้ไปถึงคามิโคจิตอนที่สว่างแล้ว ตอนจองสามารถเลือกที่นั่งแบบ 3แถว (กรีนคาร์) หรือแบบธรรมดา 4 แถวได้ แบบ 3 แถวจะมีที่นั่งที่กว้างขวางกว่าและยังมีแจกชุดอเมนิตี้ให้ด้วย

ดูตารางเวลารถบัสสายสถานีโตเกียว – คามิโคจิ >
ดูตารางเวลารถบัสสายชินจูกุ – คามิโคจิ >

สภาพภายในรถบัสแบบที่นั่ง 3 แถวกรีนคาร์ มีบริการผ้าห่ม รองเท้าแตะ ที่วางขา ช่องเสียบสำหรับชาร์จไฟ ไวไฟ และห้องน้ำบนรถบัส
 


รถบัสที่นั่ง 4 แถวแบบธรรมดา

นอกจากนี้ยังมีรถบัสที่ออกเดินทางจากชิบุย่าและคาวาโกะเอะด้วย โดยจะให้บริการเพียงวันละรอบ และใช้รถบัสแบบที่นั่ง 4 แถวเท่านั้น

ดูตารางเวลารถบัสสายชิบุย่า– คามิโคจิ >
ดูตารางเวลารถบัสสายคาวะโกเอะ/โอมิยะ – คามิโคจิ >

 

อีกหนึ่งวิธีเดินทางไปคามิโคจิจากโตเกียวคือ นั่งรถไฟ JR limited express Azusa (2.5-3 ชั่วโมง / 6,900 เยน) หรือรถบัสอัลปิโก้ (3.15 ชั่วโมง / 3,800 เยน) ไปมัตสึโมโต้ก่อน แล้วค่อยเปลี่ยนไปนั่งรถไฟรถบัสต่อไปคามิโคจิ

จากโอซาก้าไปคามิโคจิ

รถบัสสายโอซาก้า – คามิโคจิให้บริการวันละ 2 รอบ รอบกลางคืนจะใช้รถบัสแบบที่นั่ง 3 แถว (กรีนคาร์) เพื่อความสะดวกสบายที่มากขึ้น เพราะรถบัสรอบกลางคืนจะใช้เวลาเดินทางนานกว่า เพื่อให้เวลาที่ไปถึงคามิโคจิตอนเช้าไม่มืดเกินไป ส่วนรอบที่ออกเดินทางตอนเช้าจะใช้รถบัสแบบ 4 ที่นั่งธรรมดา

ดูตารางเวลารถบัสสายโอซาก้า/เกียวโต – คามิโคจิ >

จากนากาโนะไปคามิโคจิ

รถบัสเส้นทางนี้ให้บริการเพียงรอบเดียว ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง และรถบัสที่ใช้จะเป็นรถบัสแบบธรรมดา4 ที่นั่ง

จากทาคายามะไปคามิโคจิ

จากทาคายามะใช้เวลานั่งรถบัสประมาณ 1 ชั่วโมงไปฮิรายุออนเซ็น เพื่อต่อรถบัสไปคามิโคจิอีก 30 นาที

ดูตารางเวลารถบัสสายทาคายามะ – คามิโคจิ >

เช่ารถขับไปคามิโคจิ

สำหรับคนที่จะเช่ารถขับเองไปคามิโคจิ ต้องไปจอดรถที่สะวันโด (Sawando) หรือ อะคันดานะ (Akandana) แล้วนั่งรถบัสสาธารณะต่อเข้าไปในอุทยานคามิโคจิ (ไม่อนุญาตให้นำรถส่วนตัวเข้าไปในอุทยาน)

ดูตารางรถบัสสาย Sawando – Kamikochi >
ดูตารางรถบัสสาย Akandana/Hirayu Onsen – Kamikochi >

ท่ารถบัสคามิโคจิ

การเดินทางไปสถานที่ท่องเที่ยวรอบๆคามิโคจิ

จากคามิโคจิไปโนริคุระ

จากคามิโคจิให้นั่งรถบัสสายคามิโคจิ – สะวันโดะ ไปลงที่ K-20 ท่ารถบัสสะวันโดะ เพื่อต่อรถไฟโนริคุระ

ดูตารางเวลารถบัสสาย Kamikochi – Norikura >

 

จากคามิโคจิไปชิราโฮเนะออนเซ็น

จากคามิโคจิให้นั่งรถบัสสายคามิโคจิ – สะวันโดะ ไปลงที่ K-20 ท่ารถบัสสะวันโดะ เพื่อต่อรถไฟชิราโฮเนะออนเซ็น

ดูตารางเวลารถบัส Kamikochi – Shirahone Onsen >

 

พาสรถบัสแนะนำ

พาส 2-Day Free Passport

สถานที่ท่องเที่ยวที่ครอบคลุม: มัตสึโมโต้ คามิโคจิ โนะริคุระ และชิราโฮเนะออนเซ็น
ราคา: 7,600 เยน (สำหรับแบบใช้ 3 วัน ราคา 9,100 เยน)
รายละเอียดพาส >

พาส 4-Day Alps WIDE Free Passport

สถานที่ท่องเที่ยวที่ครอบคลุม: มัตสึโมโต้ คามิโคจิ โนะริคุระ ชิราโฮเนะออนเซ็น ทาคายามะ ชิราคาว่าโกะ ชินโฮทากะโรปเวย์ เกะโระออนเซ็น และอื่นๆ
ราคา: 12,200 เยน (แบบที่รวมตั๋วขึ้นลงโรปเวย์ด้วยราคา 14,500 เยน)
รายละเอียดพาส >

พาส Alps Crossing Ticket (เส้นทางคามิโคจิ)

สถานที่ท่องเที่ยวที่ครอบคลุม: มัตสึโมโต้ คามิโคจิ ฮิรายุออนเซ็น และทาคายามะ
ราคา: 5,000 เยน (แบบที่รวมตั๋วขึ้นลงโรปเวย์ด้วยราคา 13,000 เยน)
รายละเอียดพาส >