บล็อกพาเที่ยว

7 จุดไฮไลต์ที่ต้องแวะในคามิโคจิ

เขียนโดย ALPICO GROUP - 26 ต.ค. 2024, 9:53:53

 

คามิโคจิเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติในแถบเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่น ที่ใครได้ไปเยือนก็ต้องไม่มีคำว่าผิดหวัง ในบทความนี้เราจะแนะนำจุดถ่ายรูปสวยๆในคามิโคจิทั้ง 7 แห่ง รับรองว่าบางแห่งต้องมีคนเดินไปไม่ถึงแน่นอน


แนะนำคามิโคจิ อุทยานแห่งชาติในญี่ปุ่น

คามิโคจิเป็นหุบเขาแสนสวย ตั้งอยู่ในเขตภูเขาในจังหวัดนากาโนะ มักจะถูกเรียกว่า “ประตูสู่เทือกเขาเจแปนแอลป์” เพราะจากคามิโคจิสามารถเดินเทรกไปยังยอดเขาลูกไหนก็ได้ในเจแปนแอลป์ตอนเหนือ นอกจากนี้คามิโคจิยังเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติจูบุซังกะคุ (Chubu Sangaku) ซึ่งเต็มไปด้วยธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์สวยงาม

 

สำหรับใครที่กำลังวางแผนไปคามิโคจิ แนะนำให้อ่านบทความด้านล่างด้วยนะ!

อ่านเพิ่มเติม: 
คู่มือแนะนำเที่ยวคามิโคจิ (เที่ยวเมื่อไหร่ เดินทางยังไง เดินเที่ยวยังไง)

7 จุดถ่ายรูปสวยในคามิโคจิ

บึงไทโช (Taisho Pond)

“บึงไทโช” เป็นจุดแรกที่นักท่องเที่ยวจะได้ร้องว้าวตั้งแต่อยู่บนรถบัสไปกับความสวยงามน่าอัศจรรย์ของคามิโคจิ บึงแห่งนี้เกิดจากการระเบิดเมื่อประมาณ 100 ปีก่อนของภูเขาไฟยาเกะ (Mt. Yake) ซึ่งตั้งตะหง่านอยู่เป็นฉากหลัง

 
 

บึงไทโชแห่งนี้มีความสวยงามเป็นพิเศษในยามเช้าหลังพระอาทิตย์เพิ่งขึ้น บางวันสามารถชมหมอกที่ลอยเรี่ยๆบนผิวน้ำ เกิดเป็นภาพสวยงามน่าพิศวง ในฤดูร้อนยังสามารถเช่าเรือพายจากโรงแรมไทโชข้างๆพายเล่นในบึงได้ด้วย

แนะนำทิปส์: (ถ้าเลือกได้) ให้เลือกที่นั่งฝั่งซ้ายบนรถบัส เพราะสามารถชมบึงไทโชจากบนรถบัสได้ และให้ลงรถบัสที่ป้าย K-28 Taisho Pond แล้วเดินเลาะตามแม่น้ำไปสะพานคัปปะ จะได้เดินชมคามิโคจิได้ทั่วถึง

สะพานคัปปะ (Kappa Bridge)

จุดแลนด์มาร์คสำคัญในคามิโคจิคงหนีไม่พ้น “สะพานคัปปะ” จากจุดนี้สามารถชมวิวอันตระการตาของเทือกเขาโฮทากะ (Hotaka) ได้อย่างเต็มตา และเมื่อหันหลังไปก็จะเห็นภูเขาไฟยาเกะที่เราเดินจากมาจากบึงไทโช

 

ใกล้ๆสะพานคัปปะมีโรงแรม ร้านอาหารและร้านของฝากหลายแห่ง อยู่ห่างจากท่ารถบัสคามิโคจิและศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยวเพียง 300 เมตร เรียกได้ว่าเป็นศูนย์กลางความเจริญของคามิโคจิก็ว่าได้ สะพานคัปปะมีชื่อเสียงขึ้นมาหลังจากปรากฎในนวนิยายของนักเขียนชื่อดังอย่าง Akutagawa Ryunosuke เรื่อง “Kappa” ในปี 1927

พูดถึง “คัปปะ” เจ้าตัวปีศาจน่าตาน่ารักตัวนี้แล้ว ที่จริงที่มาของมันไม่ค่อยน่ารักเท่าไหร่ ตำนานพื้นบ้านเล่ากันว่า คัปปะเป็นปีศาจที่ชอบอาศัยอยู่ตามแหล่งน้ำและคอยดักหลอกล่อและทำร้ายผู้คนให้จมน้ำ ถึงแม้ว่าที่มาจะไม่ค่อยน่ารัก แต่ตามร้านของฝากในคามิโคจิมีของฝากคัปปะน่ารักขายอยู่เต็มไปหมดเลยล่ะ

บึงทะชิโระ (Tashiro Marshland)

ถ้าคุณไปถูกเวลาและโชคเข้าข้าง บึงเล็กๆแห่งนี้จะเป็นราวกับสรวงสวรรค์น้อยๆทีเดียวล่ะ


รูปนี้เก็บความสวยงามของบึงนี้ได้ไม่ถึงครึ่ง หากได้เห็นของจริงกับตาตัวเอง รับรองว่าจะต้องไม่ลืมภาพนี้ไปตลอดชีวิตแน่นอน!

ดวงอาทิตย์ที่ค่อยๆลอยโผล่เหลี่ยมเขาขึ้นมา สาดแสงอรุณลงมาบนกิ่งก้านต้นไม้ที่เต็มไปด้วยแม่คะนิ้ง เกิดเป็นภาพอันน่าตื่นตาอัศจรรย์ใจ ระยิบระยิบพร่างพราวเหมือนมีใครเอาเพชรมาโปรยลงบนกิ่งก้านต้นไม้ นอกจากนี้หมอกบางๆที่ลอยเหนือบึงยังเพิ่มความมหัศจรรย์ใจยิ่งขึ้นไปอีก

แนะนำทิปส์: ช่วงที่สามารถชมภาพตระการตานี้ได้คือช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วง

บึงดาเกะซาวะ (Dakesawa Marshland)

ถ้าใครได้เดินไปบึงเมียวจินจากสะพานคัปปะเลียบทางฝั่งขวาของแม่น้ำ จะต้องพบเข้ากับบึงดาเกะซาวะแห่งนี้

 
 
สีฟ้าสดใสของท้องฟ้าสะท้อนลงบนบึงดาเกะซาวะทำประกายล้อกับแสงอาทิตย์
 

ระหว่างที่เดินไปบนทางไม้จะสามารถมองเห็นภูเขาโฮทากะผลุบๆโผล่ๆลอดผ่านยอดไม้ ร่มรื่นเย็นสบายไปตลอดทาง และที่เห็นโดดเด่นในบึงแห่งนี้ก็คือ ต้นไม้ที่ยืนตายเป็นจำนวนมากโดยมีภูเขารปเปียะกุ (Mt. Roppyaku) เป็นฉากหลัง สวยงามน่าประทับใจจนเราต้องของนำมาใส่ในลิสต์นี้

บึงเมียวจิน (Myojin Pond)

“บึงเมียวจิน” เป็นอีกหนึ่งสถานที่สวยงามที่หลายๆคนเดินไปไม่ถึงทั้งๆที่มาถึงคามิโคจิแล้ว บึงแห่งนี้อยู่ห่างจากสะพานคัปปะราว 3.5 กม. ใช้เวลาเดินประมาณ 70 นาที และตั้งอยู่ในเขตศาลเจ้าโฮทากะชั้นใน ทำให้มีบรรยากาศเงียบสงบศักดิ์สิทธิ์ต่างไปจากบริเวณสะพานคัปปะ


สุดปลายท่าน้ำที่ยื่นเข้าไปในบึงมีระฆังและกล่องทำทานวางไว้ ให้เราสามารถทำทานและบูชาเทพเจ้าได้

ในวันที่ 8 ตุลาคมของทุกๆปี จะมีการทำพิธีกรรมแบบชินโต เรียกว่า “โอะฟุเนะมัตสึริ” (Ofune Matsuri) แปลตรงๆได้ว่า “เทศกาลเรือ” ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อแสดงความเคารพต่อเทพเจ้าและขอให้นักเดินทางเดินทางอในภูเขาย่างปลอดภัย นักบวชจะแต่งตัวในชุดพิธีการแบบสมับยุคเฮอัน (794-1185) และขึ้นไปยืนบนเรือซึ่งประดับไปด้วยหัวนกฟีนิกซ์และมังกรที่หัวเรือ

เทศกาลโอะฟุเนะมัตสึริในปี 2015

แต่ก่อนที่จะเข้าไปถึงบึงโทโช ที่หน้าทางเข้ายังมีอีกสถานที่แห่งนี้ที่น่าแวะก็คือ “ร้านคะมอนจิโคะยะ” ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สามารถจับต้องได้ “คุณคะมิโจ คะมอนจิ” ซึ่งเป็นรุ่นทวดของเจ้าของรุ่นปัจจุบันเป็นเพื่อนและผู้นำทางให้กับ “วอลตัน เวสเตอร์” ผู้ที่ทำให้เจแปนแอลป์เป็นที่รู้จักในโลกตะวันตก สามารถนั่งพักเพื่อพักผ่อนรับประทานของว่างได้ที่นี่ได้ เมนูยอดฮิตคือ “ปลาอิวานะย่างเกลือ”

 
“ร้านคะมอนจิโคยะ” กับเมนู “ปลาอิวานะย่างเกลือ”
 

แม่น้ำอะซุสะ (Azusa River)

สีฟ้าใสแจ๋วราวกระกระจกของแม่น้ำอะซุสะเป็นหนึ่งในเมนไฮไลต์ของคามิโคจิ เรียกได้ว่าคามิโคจิจะไม่เป็นคามิโคจิเลยถ้าไม่มีแม่น้ำสายนี้

แม่น้ำแสนสวยสายนี้มีต้นน้ำมาจากภูเขายาริ “Mt. Yari” ไหลผ่ากลางหุบเขาคามิโคจิ และเปลี่ยนชื่อไปมาตามแต่แม่น้ำที่ไหลไปรวม ก่อนจะกลายเป็นแม่น้ำที่ยาวที่สุดในญี่ปุ่นและไหลไปลงทะเลญี่ปุ่นที่จังหวัดนีกาตะ

ตลอดทางเดินเลียบน้ำแม่น้ำเดินสบายเพราะได้รับการดูแลเป็นอย่างดี เมื่อช่วงน้ำน้อยเราสามารถจะลงไปเดินเล่นบนก้นแม่น้ำบางส่วนได้เลย

กวาดสายตาดูดีๆ อาจจะเจอเก้าอี้โซฟาธรรมชาติแบบนี้ก็ได้!

สถานที่ตั้งแคมป์โคะนาชิไดระ (Konashidaira)

บริเวณที่ตั้งแคมป์โคะนาชิไดระเป็นหนึ่งในจุดที่หลายคนเดินข้ามไปโดยไม่รู้ตัว ทั้งๆที่อยู่ห่างจากสะพานคัปปะเพียงแค่ 5 นาที ทั่วทั้งบริเวณเต็มไปด้วยต้นคาระมัตสึ (Karamatsu) และยังมีวิวพรีเมียมของเทือกเขาโฮทากะในบรรยากาศร่มรื่นเงียบสงบ ห่างไกลจากผู้คนจอแจ

 

วางแผนเดินทางไปคามิโคจิ

เดินทางเมื่อไหร่

คามิโคจิมีกำหนดการเปิดอุทยานระหว่าง 17 เมษายน – 15 พฤศจิกายนของทุกปี ระหว่างช่วงปิดอุทยานจะไม่มีรถบัส แท็กซี่และโรงแรมให้บริการในคามิโคจิ

ใบไม้เปลี่ยนสีในคามิโคจิ

อย่างที่ทราบกันดีว่าใบไม้เปลี่ยนจะเริ่มเปลี่ยนสีจากที่สูงและค่อยๆไล่ลงสู่ที่ต่ำทีละน้อย บริเวณทางเดินปีนเขาเหนือขึ้นไปจาก Yokoo Sanso จะเริ่มเปลี่ยนสีช่วงระหว่างปลายกันยายน – ต้นตุลาคม

ส่วนบริเวณด้านล่างคามิโคจิบริเวณสะพานคัปปะที่ความสูง 1,500 เมตร จะสามารถชมต้นคาระมัตสึเปลี่ยนเป็นที่เหลืองทองได้ระหว่างสัปดาห์ที่ 3-4 ของเดือนตุลาคมไปจนถึงสัปดาห์แรกเดือนพฤศจิกายน

 
 

สถานที่อำนวยความสะดวกในคามิโคจิ

ในประเทศที่ไม่ว่าไปไหนก็มีร้านสะดวกซื้ออย่างประเทศญี่ปุ่น กลับไม่มีทั้งตู้ATM และร้านสะดวกซื้อแม้แต่แห่งเดียวในคามิโคจิ

นอกจากร้านขายของฝากที่จะมีขายของใช้เล็กๆน้อยๆแล้ว ที่ศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยวยังมีจำหน่ายอุปกรณ์เดินเขาบางอย่าง เช่น ปลอกขากันทราย (Gaiters) กระปุกเตาแก๊สขนาดเล็ก ชุดกันฝน อาหารฟรีซดราย เป็นต้น อย่างไรก็ตามที่นี่ไม่ใช่ร้านขายของเอาท์ดอร์ ถ้าใครจะไปเดินเขาแล้วล่ะก็ เตรียมมาให้พร้อมตั้งแต่อยู่ในเมืองเลยจะดีที่สุด

ศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยว

 

นอกจากนี้ยังมีเก้าอี้รถเข็นกับเป้อุ้มเด็กให้เช่าฟรีด้วย (มีจำนวนจำกัด) และสำหรับใครที่เพิ่งปีนเขากลับลงมาอยากจะอาบน้ำชำระร่างกาย ก็มีห้องอาบน้ำแบบหยอดเหรียญให้ใช้ด้วย (100 เยน อาบได้ 3 นาที + ค่าธรรมเนียม 100 เยน )

แนะนำทิปส์: ในคามิโคจิมีโรงแรมเพียง 2 แห่งที่สามารถแช่ออนเซ็นธรรมชาติได้ ได้แก่ โรงแรมคามิโคจิเลอมิเอสต้า (Kamikochi Lemeiesta Hotel) และโรงแรมออนเซ็น (Onsen Hotel) ที่โรงแรมคามิโคจิเลอมิเอสต้า ถึงแม้จะไม่ได้เป็นแขกที่เข้าพัก ก็สามารถผ่อนคลายร่างกายไปกับการแช่ออนเซ็นและเก้าอี้นวดได้ระหว่างเวลา 11:00 -13:00 น. (2,200 เยน)

 

ออนเซ็นธรรมชาติที่โรงแรมคามิโคจิเลอมิเอสต้า

การเดินทางไปคามิโคจิ

การเดินทางไปคามิโคจิจะต้องใช้รถบัสสาธารณะและรถแท็กซี่เท่านั้น เพราะมีการจำกัดจำนวนรถยนต์เข้าอุทยานเพื่อเป็นการรักษาสภาพแวดล้อม ในฤดูหนาวหากต้องการเดินทางไปคามิโคจิ มีทางเดียวคือต้องเดินสโนว์ชูส์เข้าไป

 
ท่ารถบัสคามิโคจิและรถบัส Alpico
 

วิธีเดินทางไปคามิโคจิที่ง่ายที่สุดคือ นั่งรถบัสตรงจากโตเกียวหรือโอซาก้า ไม่เช่นนั้นก็ต้องเดินทางไปเมืองมัตสึโมโต้ (จ.นากาโนะ) หรือเมืองทาคายามะ (จ.กิฟุ) แล้วต่อรถไฟและรถบัสไปคามิโคจิ

 
 
 

รถบัสจากมัตสึโมโต้ไปคามิโคจิ

จากมัตสึโมโต้ วิธีเดินทางที่ง่ายและสบายที่สุดคือ นั่งรถบัสตรง “National Park Liner” รวดเดียวถึงคามิโคจิโดยไม่ต้องต่อรถ ให้บริการวันละ 2 รอบ เวลา 5:30 น. และ 10:15 น. (*จำเป็นต้องจองที่นั่งล่วงหน้า)

จองและซื้อตั๋วรถบัส National Park Liner >

อีกวิธีคือ นั่งรถไฟอัลปิโก้สาย Kamikochi จากสถานีมัตสึโมโต้ไปลงที่สถานีชินชิมะชิมะ (Shin-Shimashima) หลังจากนั้นก็ต่อรถบัสไปคามิโคจิ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 45 นาที

ดูตารางรถบัสสายมัตสึโมโต้ – คามิโคจิ >
ดูวิธีการเดินทางระหว่างมัตสึโมโต้ -คามิโคจิอย่างละเอียด >

ดูตารางรถบัสไปมัตสึโมโต้ทั้งหมด >

รถบัสจากทาคายามะไปคามิโคจิ

ทาคายามะเป็นจุดตั้งต้นในการเดินทางไปคามิโคจิในกรณีที่เดินทางมาจากฝั่งคันไซ นั่งรถบัสโนฮิจากทาคายามะไปลงที่ฮิรายุออนเซ็น หลังจากนั้นก็ต่อรถบัสไปคามิโคจิอีกครั้ง

 

ดูตารางรถบัสสายทาคายามะ – คามิโคจิ >

รถบัสจากโนะริคุระไปคามิโคจิ

โนะริคุระเป็นแหล่งท่องเที่ยว unseen อีกแห่งหนึ่ง อยู่ห่างจากคามิโคจิเพียงแค่ 90 นาที การเดินทางระหว่างสถานที่ท่องเที่ยว 2 แห่งนี้ จำเป็นต้องต่อรถ 1 ครั้งที่ท่ารถบัสสะวันโดะ (Sawando)

ดูตารางรถบัสสายโนะริคุระ – คามิโคจิ >

รถบัสจากโตเกียวไปคามิโคจิ

จากโตเกียวไปคามิโคจิมีรถบัสตรง “Sawayaka Shinshu-go” ออกเดินทางจากสถานีโตเกียว ท่ารถบัสชินจูกุ และ Shibuya Mark City ให้บริการทั้งรอบกลางวันและรอบกลางคืน โดยใช้รถบัสแบบที่นั่ง 4 แถว และแบบที่นั่ง 3 แถว (Premium Green car) ที่นั่งแบบ 3 แถวจะกว้างและนั่งสบายกว่าและใช้สำหรับรถบัสกลางคืนเท่านั้น สำหรับนักท่องเที่ยวปีนเขาแนะนำรถบัสรอบกลางคืนเพราะจะถึงคามิโคจิในตอนเช้าพอดี สามารถเริ่มเดินขึ้นเขาได้โดยไม่เสียเวลา

ดูตารางรถบัสสายสถานีโตเกียว – คามิโคจิ >
ดูตารางรถบัสสายชินจูกุ – คามิโคจิ >
ดูตารางรถบัสสายชิบุยะ – คามิโคจิ >
ดูตารางรถบัสสายโอมิยะ/คาวะโกเอะ – คามิโคจิ >

รถบัสจากเกียวโต/โอซาก้าไปคามิโคจิ

นอกจากโตเกียวแล้ว ก็ยังมีรถบัสตรงจากเกียวโตและโอซาก้าด้วย ให้บริการทั้งรอบกลางวันและกลางคืน

ดูตารางรถบัสสายเกียวโต/โอซาก้า – คามิโคจิ >

รถบัสจากนากาโนะไปคามิโคจิ

ถ้าหากตัวอยู่นากาโนะแล้วก็ง่ายเลย จากนากาโนะมีรถบัสตรงไปคามิโคจิ ใช้เวลาเดินทางเพียงแค่ 2 ชั่วโมง

ดูตารางรถบัสสายนากาโนะ – คามิโคจิ >

พาสรถบัสแนะนำ

2-Day Free Passport

ขอบเขตใช้งาน: มัตสึโมโต้ คามิโคจิ โนะริคุระ และชิราโฮเนอะออนเซ็น
ราคา: 7,500 เยน (9,000 เยน สำหรับพาสแบบ 3 วัน)

ดูรายละเอียดพาส 2-Day Free Passport >

4-Day Alps WIDE Free Passport

ขอบเขตใช้งาน: มัตสึโมโต้ คามิโคจิ โนะริคุระ ชิราโฮเนอะออนเซ็น ทาคายามะ ชิราคาวะโก ชินโฮทากะโรปเวย์ เกะโระออนเซ็น เป็นต้น
ราคา: 11,000 เยน (13,000 เยน รวมตั๋วโรปเวย์ไปกลับ)

ดูรายละเอียดพาส 4-Day Alps WIDE Free Passport >

Alps Crossing Ticket

ขอบเขตใช้งาน: มัตสึโมโต้ คามิโคจิ และทาคายามะ
ราคา: 5,000 เยน

ดูรายละเอียดพาส Alps Crossing Ticket >